สวนสนุกในไทยถ้าไม่ไปจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง

ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ตามย่อมต้องการที่จะปลดปล่อยความสนุกสนานออกมาบ้าง เพื่อผ่อนคลายความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการทำงาน สวนสนุกถือว่าตอบโจทย์สำหรับผู้รักความท้าทายและชอบลองอะไรแปลกใหม่ที่น่าหวาดเสียว  ซึ่งหากกล่าวถึงสวนสนุกแล้วนั้นผู้คนส่วนมากมักนึกถึงเด็กที่ชอบไปเที่ยวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ใหญ่ก็สามารถไปเที่ยวสวนสนุกได้เช่นกัน ซึ่งเครื่องเล่นบางชนิดนั้นเหมาะกับผู้ใหญ่เสียมากกว่าอีกด้วย โดยแต่ละสวนสนุกนั้นจะมีเครื่องเล่นและกิจกรรมที่แตกต่างกันไป รวมทั้งมีรูปลักษณ์ภายนอกและการตกแต่งสวนที่มีแบบฉบับไม่เหมือนกัน จึงทำให้คนที่รักในการเล่นเครื่องเล่นเหล่านี้ตามหาสวนสนุกเพื่อที่จะเล่นปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นสุดมันส์ในประเทศไทยนั้นและอยู่ไม่ไกลจากจังหวัดกรุงเทพฯ มีอยู่มากมาย แต่ที่ดังและมีเครื่องเล่นที่หลากหลายนั้นมีอยู่ 3 ที่ด้วยกันคือ

ดรีมเวิลด์ ซึ่งเป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงมากซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี มีเครื่องเล่นที่หลากหลายและแปลกใหม่ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ยังมีสวนน้ำมหาสนุกไว้สำหรับครอบครัวอีกด้วย สวนสนุกดรีมเวิลด์นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องหิมะซึ่งทางสวนสนุกได้จำลองหิมะขึ้นมาเพื่อให้คนที่ไม่เคยไปต่างประเทศและสัมผัสกับอากาศหนาวได้เข้าไปสัมผัสและใช้บริการกัน สวนสนุกแห่งนี้เปิดให้บริการเวลา 10:00 น. ถึง 17:00 น. ทุกวัน แต่วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเลื่อนเวลาปิดเป็นเวลา 19:00 น. เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มีเวลามากเป็นพิเศษในวันหยุด  

ซานโตรินี่พาร์ค วอเตอร์ แฟนตาซี เป็นสวนสนุกที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ตั้งอยู่ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยแบ่งโซนของสวนสนุกออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และอีกโซนจะ มีเครื่องเล่นที่หลากหลายด้วยการตกแต่งสไตล์กรีซยุโรป ทำให้มีมุมถ่ายรูปค่อนข้างเยอะและแปลกตาไม่เหมือนเมืองไทย ในสวนสนุกแห่งนี้จะมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เมื่อเวลาขับรถผ่านไปทางใต้จะเป็นจุดสังเกตได้ชัดเวลาเปิดปิดทำการในวันธรรมดาจะเปิดเวลา 9 โมงครึ่ง ปิดเวลา 6 โมงครึ่ง แต่หากเป็นวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ จะเปิดให้บริการในเวลา 09:00 น. ถึง 18.30 น. ราคาค่าเข้าผ่านประตูนั้นไม่แพงจะอยู่ที่ 50 บาทเท่านั้น   

สยามพาร์คซิตี้หรือที่เรารู้จักกันว่าสวนสยามทะเลกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสวนสนุกยอดฮิตของชาวกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีสวนน้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในสวนสนุก นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นที่หลากหลายและมีเครื่องเล่นนำมาใหม่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนสยามนี้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่น่าเบื่อจำเจ และผู้คนยังหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมกันอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ใหญ่หรือหมู่วัยรุ่นก็ตาม ไฮไลท์ของสวนสยามนี้จะอยู่ที่รถไฟเหาะตีลังกาที่สุดแสนจะน่ากลัว เวลาเปิดปิดจะอยู่ที่ 10:00 น. ถึง 17:00 น. บัตรค่าเข้านั้นสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 600 บาทต่อวัน เด็กอยู่ที่ 120 บาท แต่หากเป็นเด็กเล็กที่ความสูงต่ำกว่า 101 เซนติเมตรสามารถเข้าชมฟรีได้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างแพงมากกว่าที่อื่น แต่ก็คุ้มกับการได้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นภายในสวนสนุกแห่งนี้

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วไม่ควรพลาดที่จะไปทดลองเครื่องเล่นใหม่ ๆ หรือทำกิจกรรมที่สนุกสนานเพลิดเพลินกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัว หรือจะไปแบบคู่รักก็ยังได้ ซึ่งถือว่าการขึ้นเครื่องเล่นเหล่านี้เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งและปลดปล่อยความกลัวของตัวเองออกมา

3 สถานที่ท่องเที่ยวตามแนวพระราชดำริ

สถานที่ท่องเที่ยวตามแนวพระราชดำรินั้นเป็นสถานที่ที่เปิดให้ประชาชนบุคคลทั่วไปเข้าไปเที่ยวชมและศึกษาหาความรู้ทางด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในแต่ละโครงการ เพื่อให้นำประโยชน์จากการเรียนรู้เหล่านั้นมาพัฒนาชุมชนของตนเองต่อไป หรือเพื่อนำความรู้ไปบอกต่อแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวพระราชดำรินั้นนับว่ามีประโยชน์ต่อผู้คนเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่พอเพียง สามารถนำความรู้จากโครงการต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์กับไร่นาสวนของตนเองได้อย่างลงตัว โดยมีแบบอย่างที่ถูกวางแผนไว้ให้แล้ว เรามี 3 สถานที่ท่องเที่ยวในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาให้คนที่ยังไม่รู้จักได้ไปเที่ยวชมกันดังนี้คือ

โครงการชั่งหัวมัน จ.เพชรบุรี เป็นโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยทรงบริจาคที่ดินส่วนพระองค์จำนวน 250 กว่าไร่เพื่อมอบเป็นแปลงปลูกทดลองมันเทศในจังหวัดเพชรบุรีเป็นหลัก นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชดำริให้ปลูกผักและผลไม้ซึ่งเป็นพืชการเกษตรท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบุรีอีกด้วย และทรงมีพระราชดำริให้ติดตั้งกังหันลมซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ และได้นำระบบนี้ไปผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโครงการชั่งหัวมัน และแบ่งส่วนหนึ่งเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยทำเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้ประชาชนเข้ามาศึกษาและนำไปประกอบวิชาชีพ จึงก่อให้เกิดเป็นรายได้ในแหล่งชุมชนท้องถิ่นขึ้น

โครงการปิดทองหลังพระ จ.น่าน ซึ่ง เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ โดยมีจุดประสงค์เริ่มแรกคือต้องการให้ผืนป่าถูกทำลายน้อยที่สุดโดยการทำการเกษตรปลูกข้าวด้วยวิธีใหม่ โดยการทำนาแบบขั้นบันไดบนภูเขาเพื่อให้ชาวบ้านอยู่อย่างพอเพียง โดยเป็นโครงการนำร่องให้กับชาวบ้านในเขตพื้นที่จังหวัดน่านได้ทำตาม นอกจากนี้ทางโครงการยังมีการสร้างฝายเก็บน้ำเพื่อเอาไว้ใช้ในยามหน้าแล้งได้อีกด้วย โครงการปิดทองหลังพระนี้ ตั้งอยู่ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ซึ่งในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเต็มตัว และมีประชาชนให้ความสนใจเข้าไปร่วมเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก

โครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองจังหวัดนครนายก เป็นเขื่อนที่อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพ ฯ มากนัก มีความสวยงามมาก ซึ่งสร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง และโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชลนั้นยังช่วยเหลือประชาชนและชาวบ้านละแวกนั้นให้ไม่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวที่ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์สวยสามารถมองเห็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่นอกจากจะได้ความงดงามทางทัศนียภาพแล้วยังช่วยเหลือชาวบ้านได้อีกด้วย  

ซึ่งโครงการตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นมีมากมายหลายพันโครงการ แต่ที่นำมาให้ชมกันนี้เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่และมีผู้ที่สนใจเข้าเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นได้อย่างสะดวกสบาย รวมทั้งสถานที่เหล่านั้นยังคงมีความเป็นธรรมชาติที่งดงามอยู่ สำหรับคนที่สนใจต้องการท่องเที่ยวและเรียนรู้การทำการเกษตรหรือเพื่อไปพักผ่อนชมบรรยากาศที่งดงามนั้นควรไปให้ได้สักหนึ่งครั้งในชีวิต         

3 สถานที่ดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

ธรรมชาติมักให้อะไรเราเสมอ ทั้งความสวยงามให้เราได้ดื่มด่ำ สอดแทรกไปกับการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น พระอาทิตย์คือดาวฤกษ์ทางธรรมชาติดวงหนึ่งที่มีแสงสว่างเจิดจ้าในตัวเอง และลำแสงนี้นอกจากจะให้ผู้คนนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้หลากหลายอย่างแล้วนั้น ยังให้ความสวยงามตรึงตาตรึงใจแก่ผู้พบเห็นอีกด้วย  โดยเฉพาะในเวลาใกล้รุ่งและในเวลาเย็นที่แสงของพระอาทิตย์นั้นจะค่อย ๆ จางหายไปอย่างช้า ๆ จนลับขอบฟ้า จนกลายเป็นกระแสนิยมให้สร้างเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีผู้คนไปเที่ยวชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะบนยอดดอยสูงที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ได้เป็นมุมกว้างและสวยงาม ซึ่งสถานที่ดูพระอาทิตย์ตกดินนั้นมีอยู่มากมายในประเทศไทยที่มีความสวยงามทางธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสถานที่ที่มีความงดงามยามเย็นเพื่อดูแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและผู้คนให้ความสนใจไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมากมีดังต่อไปนี้คือ   

ผาหล่มสักภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันมากในช่วงฤดูหนาว เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและตกในยามเย็น ซึ่งการจะไปเที่ยวหรือตั้งแคมป์อยู่บนภูกระดึงนั้นผู้ที่ไปจะต้องมีความแข็งแรงทางด้านร่างกาย และชอบการผจญภัย เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องเดินขึ้นไปด้านบนยอดเขาเพื่อให้ถึงจุดชมวิวที่สามารถชมพระอาทิตย์ได้อย่างงดงามที่สุด ซึ่งบนยอดดอยภูกระดึงนั้นสามารถมองเห็นผืนป่าได้เป็นบริเวณกว้าง เมื่อยามพระอาทิตย์ตกดินมาถึงท้องฟ้าจะกลายเป็นสีทอง ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามจับตาเป็นอย่างมาก    

จุดชมวิวเนินนางพญา จังหวัดจันทบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นตรงถนนที่ตัดเลียบไปกับชายทะเล ซึ่งจุดชมวิวเนินนางพญานี้จะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าอัสดงตกลงในทะเลอย่างสวยงาม ซึ่งภาพก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปนั้น จะเห็นเป็นเหมือนดวงอาทิตย์อยู่สองดวง ซึ่งเป็นเงาในน้ำทะเลที่สะท้อนลงมาจากดวงอาทิตย์ ทำให้กลายเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่งแก่ผู้พบเห็น

ดอยม่อนจอง จ.เชียงใหม่ ดอยม่อนจองอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย  เป็นอีกดอยหนึ่งที่ถนนหนทางค่อนข้างทุลักทุเลเหมาะสำหรับนักผจญภัยที่ต้องการไปชมพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็น  เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดินนั้นจะเห็นเส้นขอบฟ้าบนยอดเขาเป็นสีทอง ซึ่งหากไปเที่ยวในหน้าหนาวนั้นจะให้บรรยากาศที่โรแมนติกและได้รับความสดชื่น อีกทั้งกลิ่นไอของดอกไม้นานาพันธุ์ที่เบ่งบานบนยอดดอยนั้นทำให้ได้กลิ่นหอมของดอกไม้หลายชนิด คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่านั่งชมพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบายในยามนั้นอีกแล้ว

ความงามของธรรมชาตินั้นสามารถหาชมได้ทุกที่ เพียงแต่ว่าเราจะเลือกมองมุมไหน พระอาทิตย์ดวงเดียวกันแต่อยู่ต่างสถานที่ อยู่ต่างเวลากัน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงความงดงามนั้นไปได้ ดังนั้นผู้ที่ชอบความงามของดวงอาทิตย์ยามเย็นนั้นไม่ควรพลาดสถานที่ดี ๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ เพื่อจะได้เต็มอิ่มกับความงดงามของพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น  

น้ำตกวิวสวย ที่ใคร ๆ ก็อยากไปเที่ยว

น้ำตกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยงามและน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งน้ำตกแต่ละสถานที่นั้นจะมีรูปแบบของความงามที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทั้งความสูงของน้ำตก ความงามของโขดหินที่มีความสลับซับซ้อน รวมทั้งต้นไม้และพืชพันธุ์ที่เกิดขึ้นอยู่บริเวณธารน้ำตก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นองค์ประกอบให้น้ำตกในแต่ละแห่งนั้นมีความงดงามทั้งสิ้น ซึ่งน้ำตกที่มีวิวสวยในเมืองไทยนั้นมีอยู่หลากหลายสถานที่ด้วยกัน แต่ที่มีความงดงามและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมากนั้นมีดังต่อไปนี้คือ

น้ำตกเอราวัณ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี ถือเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากติดอันดับท็อป 5 ในประเทศไทย มีขนาดใหญ่มากและมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น ลักษณะของน้ำตกคือมีธารน้ำไหลแยกออกเป็นสองสายเหมือนงาช้าง สองข้างทางของน้ำตกเต็มไปด้วยแมกไม้นานาชนิดที่มีอายุหลาย 100 ปี ซึ่งน้ำตกเอราวัณนั้นตั้งอยู่ริมฝั่งของแม่น้ำแควใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ การเดินทางไปยังน้ำตกเอราวัณนั้นค่อนข้างง่ายสามารถใช้รถเข้าไปจอดได้ที่อุทยานเลย

น้ำตกแม่ยะ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เหตุผลที่น้ำตกแห่งนี้ถูกเรียกว่าน้ำตกแม่ยะนั้นมาจากมีแหล่งกำเนิดของต้นน้ำจากห้วยแม่ยะนั่นเอง น้ำตกแม่ยะนั้นมีขนาดใหญ่มากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ ผู้คนหรือนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำบริเวณธารน้ำตกด้านล่างกันเป็นจำนวนมาก และระหว่างเส้นทางการเดินมาน้ำตกนี้ยังมีเส้นทางศึกษาทางธรรมชาติ จุดชมวิวและชมสัตว์น้อยใหญ่สองข้างทาง เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาหรือผู้ที่ต้องการเข้ามาศึกษาและเรียนรู้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และผู้ที่ชอบการถ่ายภาพไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

น้ำตกทีลอซู เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งน้ำตกนั้นมีความสวยงามเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้ำจะไหลลงมาเป็นชั้นแบบขั้นบันได ซึ่งน้ำตกทีลอซูนั้นมีต้นกำเนิดแหล่งน้ำมาจากห้วยกล้อท้อ ที่มีความกว้างของแผ่นน้ำค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากน้ำตกทีลอซูเป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่าจึงทำให้ผืนป่าบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิดที่เข้ามาดื่มกินน้ำบริเวณน้ำตกนี้บ่อย นักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทายและรักการผจญภัยแนะนำอย่างยิ่งให้มาที่น้ำตกแห่งนี้ เนื่องจากธรรมชาติยังคงอยู่ครบถึงจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากแต่ทางเจ้าหน้าที่ของน้ำตกแห่งนี้มีการดูแลเป็นอย่างดี รวมทั้งเส้นทางที่เข้ามากว่าจะเจอน้ำตกนั้นค่อนข้างลำบาก แต่เนื่องจากน้ำตกอยู่ค่อนข้างลึกเพราะเป็นเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า ทำให้คนที่เข้ามาน้ำตกแห่งนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีใจรักในธรรมชาติอย่างแท้จริง

การไปเที่ยวที่น้ำตกนั้นนอกจากจะไปเล่นน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายด้วยน้ำที่ใสไหลเย็นและเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังสามารถไปเที่ยวชมเก็บบรรยากาศหรือเก็บภาพตามแหล่งธรรมชาติที่สวยงามนี้ได้อีกด้วย ซึ่งมีช่างถ่ายภาพเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้เป็นจำนวนมาก เพราะจะได้ภาพที่สวยสมจริงและมีชีวิตชีวาของป่าและแหล่งน้ำที่อยู่รวมกันอย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งสัตว์แมลงเล็ก ๆ เช่น ผีเสื้อ แมลงปอ หรือนกนานาพันธุ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ที่รักในธรรมชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวยังน้ำตกเหล่านั้น

เที่ยวหมู่บ้านชาวเขาวิถีชีวิตแบบพื้นบ้าน

ชาวเขาเป็นชนเผ่าที่อยู่มานาน บางเผ่านั้นมีอายุนานถึง 100 ปี หมู่บ้านของชาวเขานั้นมักเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีสังคมอยู่กันเพียงไม่กี่ครัวเรือน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สมถะ พอเพียง และพออยู่พอกิน ซึ่งวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่านั้นจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ขึ้นอยู่กับจารีตประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ถึงแม้ในปัจจุบันนี้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เหล่านี้ยังคงเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมาก ส่วนใหญ่หมู่บ้านของชาวเขานั้นจะอยู่ลึกเข้าไปจากตัวเมืองค่อนข้างมาก ทำให้มีการเดินทางและการติดต่อสื่อสารค่อนข้างลำบาก สำหรับคนที่รักในการท่องเที่ยวตามแหล่งอารยธรรมชุมชนพื้นเมืองนั้น จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้รักการผจญภัยสักนิดหนึ่ง เนื่องจากการเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านชนเผ่าแต่ละหมู่บ้านนั้นจะใช้เวลาค่อนข้างนาน และระหว่างทางถนนจะขรุขระไม่เรียบเนียนและไม่สะดวกสบายเอาเสียเลย ซึ่งหมู่บ้านชาวเขาที่มีวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านดั้งเดิมนั้นมีอยู่หลากหลายหมู่บ้านด้วยกัน แต่ที่จะหยิบยกมาพูดถึงนี้เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวชมกันมากที่สุดคือ

หมู่บ้านม้งบนดอยปุย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย ภายในหมู่บ้านนั้นยังคงมีความเป็นธรรมชาติสูงและมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบชาวเขา แต่เนื่องด้วยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเข้าไปเที่ยวที่หมู่บ้านม้งบนดอยปุยแห่งนี้มาก จึงนำเอาความทันสมัยของโลกยุคปัจจุบันเข้าไปด้วย จึงเป็นการผสมผสานระหว่างอารยธรรมของชาวเผ่ากับสังคมเมืองสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่นั้นยังคงสวมเสื้อผ้าแบบชาวเขาดั้งเดิมอยู่ แต่จะมีเด็กวัยรุ่นที่มีการใส่เสื้อผ้าแบบคนยุคใหม่อยู่บ้าง สำหรับคนที่ไปท่องเที่ยวหมู่บ้านชาวเผ่าม้งบนดอยปุยนี้สามารถเช่าชุดชาวเขาใส่เพื่อถ่ายรูปได้ และการเดินทางไปยังหมู่บ้านม้งดอยปุยนั้นไม่ได้ยากลำบากมากเท่าใดนัก เนื่องจากมีรถสองแถวที่อยู่ล่างตีนเขาคอยรับส่งอยู่          

ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าที่หมู่บ้านหล่อโย จ.เชียงราย ซึ่งหมู่บ้านชาวเขาแห่งนี้เป็นที่โด่งดังมาก เนื่องจากชาวเขาเผ่าอาข่านั้นมีวัฒนธรรมแบบเฉพาะของตนเองที่ดูงดงาม ผู้คนที่นี่อัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว การแต่งกายของชาวเขาเผ่าอาข่านั้น จะคล้ายกับการแต่งกายในวัฒนธรรมทางภาคเหนือ ผู้ชายจะใส่กางเกงกะเสื้อม่อฮ่อมสีดำ ส่วนผู้หญิงจะใส่กระโปรงกับเสื้อม่อฮ่อมสีดำเช่นเดียวกัน แต่จะมีหมวกที่ประดับประดาไปด้วยเครื่องเงินและสวมถุงเท้ายาวถึงเข่าเพื่อป้องกันความหนาว อาหาร พื้นบ้านของชาวเขาเผ่าอาข่านี้จะเป็นพวกผัดผัก ไข่เจียวสมุนไพร น้ำพริกผักสด หรืออาหารที่มักมีสมุนไพรเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนการละเล่นพื้นบ้านของชาวเขาเผ่าอาข่านี้จะเป็นพวกลูกข่าง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยและชอบเที่ยวชมหมู่บ้านชาวเขานั้น ทั้งหมู่บ้านม้งบนดอยปุยและหมู่บ้านหล่อโยของชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่านั้นถือว่าตอบโจทย์ผู้รักการท่องเที่ยวที่ต้องการเห็นวิถีชีวิตของชาวเขาดั้งเดิมเป็นอย่างดี อีกทั้งการเดินทางไปยังสถานที่เที่ยวสองหมู่บ้านนี้ยังเดินทางได้สะดวก การคมนาคมขนส่งเข้าถึง แต่อาจจะต้องมีการเดินเท้าบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ลำบากแต่อย่างใด

“ปราณบุรี” เมืองสุดสงบที่น่าสนใจ

“ปราณบุรี” สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ห่างไกลจากรุงเทพมหานครมากนัก แต่มีความสงบอากาศดีธรรมชาติส่วนใหญ่ยังไม่ถูกทำลายไป และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลายสถานที่ด้วยกัน แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักนั้นวันนี้เราจะพาไปท่องเที่ยวที่เมืองปราณบุรี ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนต้นของภาคใต้ เดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 3 ถึง 4 ชั่วโมงก็จะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามสมบูรณ์แล้ว  ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในปราณบุรีนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติดังต่อไปนี้คือ

ปากน้ำปราณ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอำเภอปราณบุรีที่ผู้คนมักมาเที่ยวชมวิวทะเลกันในยามเย็น เนื่องจากมีลมค่อนข้างแรงและอากาศเย็นสบาย บริเวณปากน้ำปราณนั้นยังมีพื้นที่บริเวณกว้าง มีถนนตัดผ่านลาดยาวตลอดชายหาด ทำให้สามารถขับรถชมวิวเพื่อความเพลิดเพลินได้ อีกทั้งยามเย็นจะมีเหล่าบรรดาเพื่อนฝูงหรือครอบครัวมานั่งปิกนิกกันบริเวณหน้าปากน้ำปราณดูแล้วเป็นภาพที่อบอุ่นและมีความสุขแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

ค่ายธนะรัชต์ เป็นค่ายทหารขนาดใหญ่ที่ภายในค่ายนั้นยังเปิดให้เป็นแหล่งเที่ยวชมอีกด้วย ซึ่งค่ายแห่งนี้มีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างมากเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาพรรณ ภายในค่ายมีป่าเขาลำเนาไพร ชายฝั่งทะเล รวมทั้งแหล่งแม่น้ำหลายสาย เนื่องจากค่ายแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นค่ายทหารขนาดใหญ่และมีภูมิลำเนาเดิมทางธรรมชาติที่หลากหลาย ซึ่งทางค่ายเปิดให้มีการเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึงเวลา 16.00 น. ตามเวลาทำการของราชการ แต่ผู้ที่จะไปเที่ยวที่นี่จะต้องมีการรวมตัวกันเป็นหมู่คณะและมีการแจ้งขอเข้าเที่ยวชมก่อนล่วงหน้าทุกครั้ง

วนอุทยานท้าวโกษา เขากระโหลก เป็นเขาที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่บนชายหาดนเรศวรที่ทอดยาวไกล เขากะโหลกนี้มีที่มาคือรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับหัวกระโหลก ทางตอนเหนือด้านบนของภูเขามีโพรงเข้าไปเป็นรูขนาดใหญ่คล้ายกับลูกกะตาโบ๋  ชาวบ้านละแวกนั้นจึงเรียกว่าเขากะโหลก ซึ่งมีความสูงเพียงแค่ 25 เมตรจากน้ำทะเล แต่ก็สูงมากพอที่จะมองเห็นวิวอันสวยงามของทะเลปราณได้ นอกจากนี้บริเวณหาดด้านล่างเขากะโหลกยังมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นพักผ่อนและเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหาดชายหาดแห่งนี้เอื้อต่อการเล่นน้ำเป็นอย่างดี  

และนี่คือ 3 สถานที่เที่ยวยอดฮิตของเมืองปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่หากได้ไปสัมผัสกับที่ปราณบุรีแล้วล่ะก็รับรองได้ว่าจะติดใจ เพราะธรรมชาติที่สวยงามของสถานที่เที่ยวนี้ยังคงสมบูรณ์อยู่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักมากเท่าใดนัก ซึ่งเหมาะกับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของครอบครัวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองหลวงมารับชมธรรมชาติที่สวยงามของทะเล หาดทราย และสายลม ที่หาได้ยากในสังคมเมือง   


สถานที่ท่องเที่ยวในฝันริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ในเมืองหลวงที่หลายสิ่งดูวุ่นวายอย่างในกรุงเทพมหานครแห่งนี้ คงจะดีไม่น้อยหากเราได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศริมแม่น้ำ ปล่อยความเหนื่อยล้าและความว้าวุ่นใจไปกับสายน้ำ และคงจะดีไม่น้อยหากริมแม่น้ำเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งแหล่งขายอาหารการกิน ขายสิ่งของที่ระลึก มีมุมต่าง ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพแห่งความทรงจำ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เราสามารถไปสถานที่แบบนี้ได้ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ในกรุงเทพมหานครของเรานี่เอง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในเมืองหลวงที่มีการจราจรติดขัดนั้นยังมีมุมบรรยากาศแห่งการพักผ่อนอยู่ไม่ไกล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานั้นมีอยู่หลากหลายสถานที่ด้วยกัน แต่ที่ผู้คนนิยมไปท่องเที่ยวกันมากนั้นมีดังต่อไปนี้คือ 

เอเชียทีค เดอะรีเวอร์ฟอนท์ ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนในเมืองหลวงแล้วนั้น ชาวต่างชาติที่มาถึงเมืองไทยก็ต้องแวะมาที่นี่ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครที่มีความคลาสสิคอยู่ในตัว เพราะนอกจากจะมีความสวยงามทางด้านธรรมชาติของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วนั้น เอเชียทีคยังถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีของแฮนเมดที่แสดงถึงความเป็นไทยวางขายอยู่เรียงรายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งของทานเล่นหรือร้านอาหารที่เรียบหรูแต่มีความท้องถิ่นอยู่ในตัวที่เหมาะกับวิถีชีวิตของชาวเมืองกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีสวนสนุกขนาดย่อมเพื่อสื่อให้เห็นถึงเครื่องเล่นของไทยอย่างเช่น ม้าหมุน หรือชิงช้าสวรรค์ ที่ได้กลายเป็นจุดเด่นของเอเชียทีคแห่งนี้ไปแล้ว เนื่องจากผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาหรือชาวต่างชาติที่แวะมาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้จะต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันแทบทั้งนั้น  เนื่องจากชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่นี้เปรียบเสมือนกับดวงตาแห่งกรุงเทพมหานครเลยก็ว่าได้

ไอคอนสยาม เป็นห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดใหม่สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา โดยลักษณะของห้างนั้นจะมีความเป็นเอกลักษณ์สูง มีแบรนด์สินค้ายี่ห้อดังหลากหลายแบรนด์ อีกทั้งห้างแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผู้ไปเที่ยวนั้นสามารถเดินออกมาบริเวณระเบียงด้านนอกได้เพื่อรับลมยามเย็นของริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมไปถ่ายรูปเนื่องจากตัวห้างมีความสูงจึงทำให้มองเห็นวิวเมืองได้ค่อนข้างกว้าง และนอกจากนี้บริเวณหน้าห้างยังมีการประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับที่สวยงามเหมาะแก่การไปเดินช้อปปิ้งและพักผ่อนเป็นอย่างมาก

ท่ามหาราช เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่นและหนุ่มสาวชาววินเทจที่ต้องการมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ซึ่งที่ท่ามหาราชนี้ยังเหมาะกับเป็นสถานที่ไว้ถ่ายรูปเนื่องจากมีมุมที่สวยงามอยู่หลายจุด และยังมีร้านอาหารแบบดังเดิมตั้งอยู่มากมายริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการไปรับประทานอาหารและนั่งมองเรือหางยาวหรือดูวิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอย่างดี

และนี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีกลิ่นไอของวิถีชีวิตชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำแบบดั้งเดิม ซึ่งได้รวมความทันสมัยเข้ามาโดยการมีร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้าเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวแนวบรรยากาศโรแมนติก ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองและไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนนั้น ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานับว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่มีความสวยงาม ซึ่งได้ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับสังคมเมืองได้อย่างลงตัว     

ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำฝั่งธนชี่อดังที่คุณภาพคับแม่น้ำสองฝั่ง

                ใครที่ยังไม่มีแผนไปเที่ยวไหนในวันหยุดสุดสัปดาห์ ขอแนะนำสถานที่สุดพิเศษภายในกรุงเทพมหานคร เดินทางสะดวก ได้กินของอร่อย พร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติแบบย้อนยุค ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นตลาดน้ำฝั่งธนที่รวมทุกอย่างไว้อย่างครบครัน เหมาะกับคนที่ชอบของสด ของคาว ของหวาน รวมไปถึงบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและให้อารมณ์เหมือนเราย้อนกลับไปสมัยก่อน ที่มีการค้าขายกันบนเรือพาย รับรองได้เลยว่าคุณภาพไม่แพ้ตลาดน้ำที่ไหนแน่นอน

อิ่มท้องและอิ่มใจไปกับตลาดน้ำคุณภาพ ที่ดีจนอยากบอกต่อ

ตลาดน้ำคลองลัดมะยมนั้นเปิดขึ้นมานานหลายปี เป็นตลาดน้ำเก่าแก่โบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยของกินและกิจกรรมมากมายหลากหลาย เริ่มจากร้านขายของสดและอาหารทะเลที่ราคาแสนจะเป็นกันเอง แต่คุณภาพของวัตถุดิบที่สดใหม่เหมือนพึ่งขึ้นจากน้ำ เช่น ปูนึ่ง ปลาเผา หอยหวาน ยำหอยแครงสด หรือกุ้งเผา ตามมาเป็นอาหารจานเดียวที่มีให้เลือกมากมายลายตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ อาหารตามสั่ง หรือก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นตลาดบก และตลาดน้ำ ตลาดบกก็คือร้านทั่วไปที่อยู่บนฝั่ง ตลาดน้ำคือร้านที่จะมีลักษณะเป็นเรือพายที่บรรทุกวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำครัวมา และทำอาหารกันในเรือสด ๆ เลย ทำให้ได้บรรยากาศ และรสชาติที่บอกได้เลยว่าอร่อยแบบต้นตำหรับแน่นอน

ของหวานและขนมกินเล่นก็มีมากมายไม่แพ้กับของสดและอาหารคาวเลย ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยโบราณอย่าง ข้าวเกรียบว่าว ขนมฝอยทอง ขนมเบื้อง หรือลูกชุบเจ้าเด็ด มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แฟนขนมไทยทั้งหลายไม่ควรพลาด หลังจากที่ซื้อของกินกันเสร็จแล้ว ที่นี่ยังมีบริการโต๊ะรับประทานอาหารให้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับคนที่มาเที่ยว

หลังจากกินกันอิ่มแล้ว ก็มีร้านขายของมากมายให้ได้เลือกซื้อกัน เช่นของที่ระลึก ร้านขายของเล่นโบราณ ร้านของตกแต่ง หรือร้านกาแฟให้ได้นั่งจิบกาแฟผ่อนคลายกัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจเช่นการนั่งเรือชมวิวของตลาด และที่ขาดไม่ได้คือกิจกรรมการนั่งเรือชมวิวตลาดน้ำเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนในยุคก่อน แน่นอนว่าจะเพลินจนไม่อยากขึ้นฝั่งเลยทีเดียว

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของตลาดน้ำคลองลัดมะยมเท่านั้น ในตอนนี้ตลาดน้ำแห่งนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มีดาราและคนดังมากมายมาเที่ยวและมาถ่ายทำที่นี่ ทำให้กลายเป็นสนใจมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ตลาดน้ำจะยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ต่อไป สำหรับใครที่สนใจ มีวิธีการไปไม่ยาก ตลาดน้ำคลองลัดมะยมตั้งอยู่บนถนนบางระมาด ซึ่งสามารถมาได้จากซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ก็ได้ และตรงเข้ามาตามป้ายตลาดน้ำคลองลัดมะยมเข้ามาประมาณหนึ่งกิโลเมตร หรือจะขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าพระจันทร์ ม.ธรรมศาสตร์ สายรถไฟ – พระจันทร์ แล้วมาต่อสองแถว รถไฟ – ปู่เถรเข้าไปถึงตัวตลาดเลยก็ได้ ซึ่งถ้าใครนำรถมาจะมีที่จอดรถให้ เสียค่าที่จอด 20 บาทเท่านั้น เปลี่ยนวันว่าง ๆ ของคุณให้กลายเป็นความทรงจำดี ๆ ได้ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีแต่ความสุขและประทับใจที่พวกคุณจะได้รับกลับไป

 

Pata zoo สวนสัตว์บนห้างในตำนาน ที่คุณต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

สวนสัตว์ ถือเป็นสถานที่อันดับแรก ๆ เลยที่ครอบครัวจะพาลูก ๆ ไปเที่ยวในวันหยุด เมื่อเราลองนึกย้อนไปในสมัยประถม โรงเรียนก็มักจะพาไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์อยู่บ่อยครั้ง จึงเรียกได้ว่า สวนสัตว์เป็นสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของเรามาตั้งแต่จำความได้ อย่างเช่น สวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดิน ,สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ,สวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์ เป็นต้น รวมไปถึงสวนสัตว์ขนาดเล็กอย่าง  Pata Zoo หรือที่เราเรียกกันว่า สวนสัตว์พาต้า ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เปิดชั้นบนเป็นสวนสัตว์ และมีคนไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก

Pata Zoo เป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ชั้น 6-7 ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านบางพลัด ฝั่งธนบุรี อย่างห้างพาต้า ซึ่งห้างพาต้าเป็นห้างที่อยู่ในทำเลทองและเปิดกิจการมากกว่า 35 ปีแล้ว โดยได้สร้างจุดเด่นให้ตัวห้างโดยการยกสวนสัตว์มาไว้บนห้างซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนในตอนนั้นเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่ และไม่มีห้างสรรพสินค้าที่ไหนทำ ซึ่งสวนสัตว์พาต้าจะอยู่ชั้น 6 และชั้น 7 ของตัวห้างซึ่งต้องขึ้นลิฟท์แก้วไป โดยชั้น 6 นั้นจะถูกตกแต่งเป็นในตีมสัตว์ป่าดึกดรรพ์  ซึ่งเราจะได้เห็น ซากสต๊าฟของปลากระเบนราหูน้ำจืด, งูหลามทองขนาดใหญ่ รวมถึงซาลาแมนเดอร์ยักษ์เพียงตัวเดียวในประเทศไทย ที่เขาได้สตาฟเอาไว้ด้วย และสัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ, สัตว์เลือดเย็น หรือสัตว์หากินในเวลากลางคืนอีกด้วย ไต่ระดับขึ้นไปชั้นสูงอีกนิดอย่างชั้น 7 ซึ่งชั้นนี้จะเป็นสวนแสดงของสัตว์หลากหลายชนิดให้เด็ก ๆ ต้องร้องว้าวอย่าง นกเพนกวิน, นกเงือก, นกมาร์คอว์, ม้าแคระ, ลีเมอร์, หมี, เสือ, อุรังอุตังกับบรรดาดาเหล่าลิง และถ้าเด็ก ๆ อยากสัมผัสกับสัตว์ทางพาต้าก็มีแบ่งโซนสัตว์ให้เด็ก ๆ ด้วย อย่างสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น กระต่าย, แกะ, แพะ หนูเป็นต้นซึ่ง จุดเด่นของสวนสัตว์ชั้นนี้ คือ กอริลลา ที่คนถือว่าเป็นพระเอกของสวนสัตว์เลยก็ได้

แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ห้างพาต้านั้นไม่ได้รับความนิยมเหมือนในอดีต แต่ที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของผู้คนในยุคนั้น เป็นสถานที่ที่คนที่เคยไปแล้วในวัยเด็กต้องกลับไปเยือนอีกครั้งในชีวิต

‘บัวน้อย’ กอริลลาตัวน้อยหนึ่งเดียวในพาต้า ที่จะทำให้คุณต้องหลงรักมัน

ปัจจุบันที่สวนสัตว์พาต้า ได้เหลือกอลิร่าเพียงตัวเดียวนั่นคือ เจ้า บัวน้อย ที่ยังคงเรียกรอยยิ้มให้กับผู้คนที่มาเที่ยวได้อยู่เสมอ หลาย ๆ คนคิดว่า กอริลลาที่ถูกขังในกรงกว่า 35 ปีนั้นจะดุร้ายจะทำร้ายคน แต่แปลก บัวน้อย กลับไม่มีนิสัยก้าวร้าวเช่นนั้นเลย แถมยังมีนิสัยน่ารัก เป็นมิตรกับคนที่มาเยี่ยมมันอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันเจ้าของสวนสัตว์ได้กล่าวว่า บัวน้อยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแน่นอน โดยคุณสามารถไปพิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณเองและอย่าลืมจูงมือลูกหลานของคุณให้ไปด้วยล่ะ รับรองว่าความน่ารักของเหล่าสัตว์ทั้งหลายจะทำให้คุณติดใจอย่างแน่นอน

สวนสัตว์พาต้า จะเปิดให้บริการ เวลา 10.00-18.00 น. ทุกวัน ซึ่งมีค่าบัตรเข้าชมสวนสัตว์ ในอัตรา ผู้ใหญ่ 80 บาท และเพียงเด็ก 50 บาท เท่านั้น เสร็จจากเดินห้างช้อปปิ้งก็ขึ้นไปเยี่ยมเหล่าสัตว์ตัวน้อยกันเรียกได้ว่าสบายใจทั้งผู้ใหญ่และเด็กกันเลยทีเดียว

 

4 สถานที่สุดฮิตย่านฝั่งธน ที่จะทำให้คุณเผลอหยิบกล้องมาชัตเตอร์โดยไม่รู้ตัว

พอพูดถึงที่เที่ยวฝั่งธน ต้องบอกเลยว่าที่นี่มีเอกลักษณ์ในเชิงวัฒนธรรมอย่างมาก ซึ่งฝั่งธนเป็นพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและเป็นฝั่งที่ครึกครื้นตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่าฝั่งธนนั้นมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย ที่ไม่ควรพลาดเลย ตามไปดูกัน

ของดีฝั่งธน ไม่ต้องทนเดินทางไปไกล

วังหลัง ตั้งอยู่ที่ท่าน้ำศิริราช เป็นสถานที่ยอดฮิตของชาวฝั่งธน ที่ไม่ว่าคนฝั่งธนหรือฝั่งพระนครก็ต้องเคยมา เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมของกิน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าเครื่องประดับต่าง ๆ  ในราคาแสนย่อมเยา โดยมีของกินขึ้นชื่อเลยก็คือ ซูชิ และทาโกะยากิ ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาที่นี่ต้องไม่พลาดซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอย่างแน่นอน เพราะมันอร่อยมาก ซึ่งใครอยากได้รวมแนว ๆ สตรีท ๆ หน่อย ต้องไม่พลาด

ช่างชุ่ย สถานที่เที่ยวสุดฮิปที่เด็กสายฮิปไม่ควรพลาดเพราะที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก โดยจุดเด่นของที่นี่คือ ซากเครื่องบินเก่าสุดเท่ ที่ไม่ว่าใครที่ไปแชะภาพตรงนั้น ต้องได้ภาพสุดเท่กลับมาแน่นอน โดยช่างชุ่ยตั้งอยู่ที่บางพลัด ถนนสิรินธร นั่นเอง

                วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร สถานที่เช็คอินถ่ายรูปสไตล์ไทย ที่มีเหล่าดารานางแบบนุ่งผ้าเรียบร้อย ไปถ่ายภาพที่นี่กันอย่างมากมาย เพราะที่วัดอรุณฯนั้น มีการตกแต่งลวดลายกระเบื้องต่าง ๆ ได้อย่างสวยงามและวิจิตรตระการตามาก ๆ วึ่งวัดอรุณฯตั้งอยู่บนถนนอรุณอมรินทร์ นั่นเอง สายบุญห้ามพลาด

อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  ใครที่มองหาที่เที่ยวแบบส่วนตัว สงบ ๆ รับกลิ่นอายธรรมชาติหน่อยต้องรีบปักให้ไวเพราะที่นี่เป็นสถานที่เที่ยวที่เงียบมาก และเหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นที่สุด โดยในอุทยานนี้นั้นสร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์อาคารเก่าในย่านนิวาสสถานเดิมครั้งทรงพระเยาว์ของสมเด็จย่า ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งด้านในจะเป็น อาคารพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จย่า ประมวลเหตุการณ์ ในการพระราชพิธีพระบรมศพ พระตำหนัก วัง ตลอดจนที่ประทับครั้งทรงพระเยาว์ และประวัติชุมชนย่านวัดอนงคาราม , อาคารพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจพระราชจริยวัตรและงานฝีพระหัตถ์ของสมเด็จย่าเอง ,บ้านจำลอง ของสมเด็จย่า ครั้งเคยประทับที่ชุมชนแห่งนี้ ตกแต่งภายในตามหนังสือ “แม่เล่าให้ฟัง” พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อีกทั้งยังมีศูนย์ศิลป์ศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) มีหินแกะสลัก และเรือนสำหรับจำหน่ายน้ำดื่ม น้ำสมุนไพรธรรมชาติ ของที่ระลึก และสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สถานที่สุดฮิตของชาวฝั่งธนที่ไม่ควรพลาดไปถ่ายรูป ซึ่งแน่นอนว่าใครก็ตามที่ได้ไปก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แต่ละที่นั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน สวยงาม เหมาะแก่การสะพายกล้องออกไปถ่ายรูปซะจริง ๆ