ค่ำแล้วจะไปไหนเอย – วัดเรืองแสง หนึ่งวัดที่น่าไปตอนค่ำ

สำหรับเด็กรุ่นใหม่แล้ว วัดคงไม่ใช่ตัวเลือกแรก ๆ ที่นึกอยากจะไปเมื่อมีเวลาว่างแล้วอยากจะไปออกทริปสักที่หนึ่ง ต่างจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปมีเยอะแยะมากโขจนไม่นึกว่าจะมีอารามอยู่ในตัวเลือก แต่ถ้าได้รู้ถึงสรรพคุณความเจ๋งของวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวแล้วล่ะก็ คงได้คิดใหม่กันอีกครั้ง เพราะนอกจากจะได้ภาพสวย ๆ ไว้ถ่ายลงอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียล ความรู้สึกระหว่างทริปนี้ก็แน่นอนว่างดงามตราตรึงในใจอย่างไม่รู้ลืม

วัดอะไรเรืองแสงได้

ใช่ คุณฟังไม่ผิดแน่ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวที่มีชื่อเล่นว่าวัดเรืองแสงนั้นสามารถเรืองแสงได้จริง ๆ โดยมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมาก คือศิลปินผู้สร้างมากฝีมืออย่างช่าง คุณากร ปริญญาปุณโณ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Tree of souls หรือรุกขชาติแห่งวิญญาณในหนังดังเรื่องอวตารนั่นเอง ซึ่งถ้าใครเคยดูก็คงนึกภาพตามได้ไม่ยาก

แต่ต้นไม้ที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวนั้นติดอยู่กับผนังด้านหลังของอุโบสถ คล้ายเป็นภาพวาด โดยมีสารเรืองแสงฟอสเฟอร์ช่วยขับแสงออกมาในค่ำคืนที่มืดสนิท

และแน่นอน VWIN ยืนยันได้เลยว่ายิ่งมืดยิ่งสวย เพราะแสงที่เปล่งออกมาจากต้นกัลปพฤกษ์ที่เรืองแสงจะยิ่งส่องสว่าง หากมาในคืนที่ยิ่งมืดสนิทยิ่งดี วันไหนเจอแจ็คพอตมีดาวเยอะ ๆ ก็ยิ่งสวย ถ้าได้กล้องถ่ายรูปดี ๆ มาสักตัว ในวันที่เงียบสงบ ลมนิ่งสนิท พร้อมกับได้ถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศในช่วงทุ่มนิด ๆ กลับบ้านไป คงเป็นการจบวันที่เพอร์เฟคไร้ที่ติ แต่มีคำแนะนำว่าถ้าหากอยากจะไปเก็บภาพ ช่วงเวลาหกโมงครึ่งถึงสองทุ่มนั่นแหละจะเป็นเวลาที่พอเหมาะพอเจาะที่สุด

จุดชมวิวอันแสนพิเศษ

นอกจากด้านหลังอุโบสถจะมีต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นตอนพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น ที่มีแสงสีส้มฉาบไปทั่วทั้งอาราม ยิ่งส่องกระทบเข้าไปข้างในก็กลายเป็นสะท้อนแสงสีทองจากพระประธานที่ยิ่งมองก็ยิ่งอิ่มใจไปกับความงดงามที่ธรรมชาติบรรจงสรรสร้างขึ้นมา ให้ความรู้สึกคล้ายกับได้ไปป่าหิมพานต์จริง ๆ

อีกทั้งตอนค่ำที่เห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มทั่วท้องฟ้า ความเย็นเยียบนิ่งสงบของวัดภูพร้าวถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ไม่มีที่ไหนเหมือน ทว่าตอนกลางวัน ที่วัดภูพร้าวก็เป็นอีกหนึ่งวัดมี่มีความวิจิตรตระการตาไม่แพ้วัดไหน ๆ ความประณีตที่ส่งต่อมาผ่านสายตาทะลุเลนส์กล้อง ช่วยกักเก็บความประทับใจที่มีต่อทิวทัศน์อันงดงามได้อย่างดี

ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายในประเทศไทยที่ไม่ได้ไปยาก และควรหาโอกาสไปสักครั้ง การเก็บความประทับใจในรูปแบบของดิจิตอลที่อัพโหลดลงโซเชียลก็นับเป็นอีกหนึ่งกล่องความทรงจำ ที่เชื่อว่าเมื่อหวนย้อนกลับไปดูเมื่อไหร่ก็คงนึกได้เสมอว่าแต่ละที่มีความสวยงาม และอิ่มเอิบไปด้วยความสุขที่อบอวลอยู่ในทริปนั้น ๆ

ตลุยรอบเมืองพัทยากับ 3 พิพิธภัณฑ์ที่สาวก IG ต้องไปเช็คอิน

เมืองพัทยาถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยชายหาดขนาดยาวหลายกิโลเมตร จึงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเลือกมาคลายร้อนกันที่นี่ แต่ปัจจุบันพัทยาไม่ได้มีดีแค่ชายหาดสวยงามเท่านั้น เมื่อรอบเมืองพัทยาต่างเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์หลากหลายสไตล์ให้เลือกรับชม และนี่คือ 3 พิพิธภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวผู้รักการถ่ายภาพไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

1. Art in Paradise

                Art in Paradise ตั้งอยู่บริเวณพัทยาเหนือ บนถนนพัทยาสาย 2 ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติแห่งแรกของไทยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ 5,800 ตารางเมตร อัดแน่นไปด้วยผลงานมากกว่า 140 ภาพให้นักท่องเที่ยวเลือกถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งแบ่งออกเป็นหลากหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตา, โลกใต้ทะเล, ป่าซาฟารี, ศิลปะคลาสสิค, สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา, ประเพณีไทย, ยุคอียิปต์ และยุคไดโนเสาร์ โดยแต่ละภาพจะมีคำแนะนำตำแหน่งการยืนให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อการถ่ายภาพให้ออกมาสมจริง โดยเปิดบริการนักท่องเที่ยวทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 – 22.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก (ส่วนสูงไม่เกิน 130 ซม.) 100 บาท ส่วนเด็กความสูงต่ำกว่า 100 ซม. เข้าฟรี

2. Teddy Bear Museum

                Teddy Bear Museum ตั้งอยู่ระหว่างพัทยาเหนือและพัทยากลาง ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมีแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมและเก็บภาพคู่กับตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์มากกว่า 2,000 ตัวอย่างใกล้ชิดโดยไม่มีกระจกกั้นเหมือนอย่างพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมีแห่งอื่นทั่วโลก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสและกอดตุ๊กตาหมีได้ทุกตัว ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ได้มีการจัดตุ๊กตาหมีไว้หลายโซน ทั้งโซนอินคา, โซนไดโนเสาร์, โซนฟอสซิล, โซนซาฟารี, โซนใต้ท้องทะเล, โซนคริสต์มาส, โซนอวกาศ, โซนเทพนิยาย, โซนจีน, โซนยุโรป, โซนสนุกสนาน และโซนศิลปะ นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกเป็นตุ๊กตาหมีหลากหลายแบบอีกด้วย ที่นี่เปิดบริการนักท่องเที่ยวทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 – 22.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก (ส่วนสูงไม่เกิน 130 ซม.) 150 บาท ส่วนเด็กความสูงต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี

3. Louis Tusaud’s Waxworks

                Louis Tusaud’s Waxworks หรือ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้ารอยัลการ์เด้น บริเวณพัทยาใต้ ภายในเป็นศูนย์รวมหุ่นขี้ผึ้งบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลกถึง 68 ตัว ซึ่งปั้นได้เหมือนบุคคลจริงทั้งรูปร่างและขนาด นอกจากนั้นยังตกแต่งบรรยากาศด้วยไฟ แสง สี และกลิ่นให้เสมือนได้ใกล้ชิดกับคนดังจากหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง, ศิลปินนักร้อง, นักการเมือง และนักกีฬาที่เป็นระดับสตาร์ที่ VWIN การันตีว่าดังจริง รวมไปถึงตัวละครจากภาพยนตร์ดัง โดยนักท่องเที่ยวสามารถกระทบไหล่คนดังชาวไทยได้ถึง 9 คน ได้แก่ ทาทา ยัง, ลูกเกด เมทินี, ภราดร ศรีชาพันธุ์, เขาทราย แกแล็กซี่, แอน ทองประสม, เคน ธีรเดช, แอ๊ด คาราบาว และจา พนม ทางพิพิธภัณฑ์เปิดบริการนักท่องเที่ยวทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 – 23.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 600 บาท เด็ก 300 บาท

หากมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวพัทยาครั้งหน้า อย่าลืมแวะถ่ายภาพที่พิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 แห่งข้างต้นอวดเพื่อน ๆ ชาวเน็ต รับรองว่ายอดกดไลค์และคอมเมนต์ถล่มทลายแน่นอน

ไปเที่ยวกันหาวันหยุดแล้วกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวแบบ Family Tour กันเถอะ

ในยุคนี้เป็นยุคของ Social ไม่ว่าจะครอบครัวไหน รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือติดตัว ต่างคนต่างก้มหน้าอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตจนอาจเผลอลืมคนรอบข้างไป บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่เราจะหาโอกาสดี ๆ อยู่ร่วมกับครอบครัว ลองวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วออกไปเที่ยวกันเถอะ! เราลองมาดูกันว่าการออกไปเที่ยวข้างนอกและทำกิจกรรมกับครอบครัวนั้นดีอย่างไร

1. พ่อแม่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับลูก

บ้านไหนที่มีลูกอายุเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เริ่มเป็นวัยที่มีโลกส่วนตัวและมีความคิดเป็นของตัวเองสูง นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ลูกจะเริ่มห่างจากเราไป ลองหาเวลาพาลูกออกไปเที่ยวกันเป็นครอบครัวดูสิ นอกจากจะช่วยเปิดโลกกว้างให้ลูกแล้วยังช่วยให้ลูกได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิต ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ และหากไปสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมระหว่างครอบครัวแล้วล่ะก็จะยิ่งช่วยให้เขามีความสุขและมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกับเราด้วยนะ

2. เสริมสร้างกำลังใจให้ผู้สูงวัย

บางครอบครัวที่มีพ่อ แม่ เริ่มมีอายุมาก เราก็อาจจะไม่ค่อยมีเวลาให้ท่าน ลองพาท่านออกไปเที่ยวสถานที่ที่ท่านชอบดูสิ นอกจากจะทำให้ท่านรู้สึกไม่โดดเดี่ยวแล้วยังช่วยให้ท่านมีกำลังใจที่มีลูกหลานเอาใจใส่และช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับท่านด้วย แต่อย่าลืมล่ะว่าต้องเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสม ไม่ผจญภัยเกินไป เพื่อให้ท่านได้เที่ยวอย่างสบาย

3. ช่วยกระชับความสัมพันธ์ชีวิตคู่

ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การได้ออกไปท่องเที่ยวนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดจากชีวิตการทำงานแล้ว ยังถือเป็นการพักผ่อนและสร้างบรรยากาศดี ๆ ระหว่างคู่รักเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นด้วยนะ หากมีเวลาว่างก็อย่าลืมชวนคนข้าง ๆ จัดกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวกันเลย

4. สร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันในครอบครัว

การเดินทางมักมีเรื่องราวมากมายระหว่างทาง การได้เก็บความทรงจำดี ๆ จุดนั้นร่วมกันไว้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวผูกพันกันมากยิ่งขึ้นด้วยนะ เมื่อเปิดดูรูปถ่ายหรือกลับมาย้อนนึกถึงทีไรก็จะช่วยสร้างความสุขให้กับครอบครัว ถือว่าได้มีความทรงจำดี ๆ และประสบการณ์การเที่ยวกับครอบครัวที่ย้อนเล่าให้ลูกหลานฟังได้อีกหลายต่อหลายครั้งเลยทีเดียว

5. สานความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว

การได้ทำสิ่งต่าง ๆ ร่วมกันนอกเหนือจากชีวิตปกติที่บ้านก็ทำให้เกิดความสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นระหว่างพี่น้อง พ่อแม่ลูก หรือคู่สามีภรรยา นอกจากนี้ก็ทำให้ทุกคนมีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่ตัวเองรักอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าการได้ออกไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ กับครอบครัวนั้นไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนานและผ่อนคลาย ยังช่วยเพิ่มระดับความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แน่นแฟ้นยาวนาน สร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันและสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้กับชีวิต

เที่ยวเมืองไทยแสนโรแมนติกอบอวลด้วยกลิ่นไอแห่งรักตามแบบภาพพรีเวดดิ้ง

การได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่แสนโรแมนติกที่มีกลิ่นไอแห่งความรักห้อมล้อม ตามแบบฉบับภาพพรีเวดดิ้งที่เหล่าคู่รักนิยมกัน เป็นบรรยากาศชวนฝันที่ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเป็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวหรืออยากถ่ายพรีเวดดิ้ง คุณก็สามารถพาตัวเองไปสัมผัสบรรยากาศดี ๆ ดั่งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักที่สถานที่หรือธรรมชาติโอบกอดให้ความรักกับคุณ และคุณไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลถึงเมืองนอก เพราะคุณสามารถสัมผัสสถานที่เหล่านี้ได้ง่าย ๆ ในเมืองไทยนี่เอง

เที่ยวเมืองไทยโรแมนติกได้ไม่แพ้ต่างประเทศ

ท้องทะเลโอบอุ้ม ทะเลสวยกับเมืองไทยเป็นของคู่กัน เรามีทะเลสวยมากมาย บางสถานที่ติดทะเลเปี่ยมด้วยกลิ่นอายสุดโรแมนติก ถ้าคุณได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น คุณจะรู้สึกราวกับทะเลกำลังโอบอุ้มคุณอยู่ ตัวอย่างเช่น เกาะสีชัง ชลบุรี เกาะเล็ก ๆ ที่เคยเป็นสถานพักตากอากาศของเหล่าราชนิกุลในอดีต ทำให้มีจุดชมวิวและถ่ายรูปสุดคลาสสิคเป็นศาลาเล็ก ๆ และสะพานไม้สีขาวน่ารักที่ยื่นออกไปในทะเลอย่าง “สะพานอัษฎางค์” แห่งพระจุฑาธุชราชฐาน, หาดตลิ่งงาม เกาะสมุย อันขึ้นชื่อในการชมพระอาทิตย์ตกดิน เนื่องด้วยด้านหน้าหาดมีเกาะสี่เกาะห้าที่ช่วงพระอาทิตย์ตกจะตกลงระหว่างเกาะ2เกาะทำให้ดูสวยงามโรแมนติกมาก และ อุทยานแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด ระยอง ด้วยลักษณะพิเศษของแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลประกอบกับหอคอยสีขาวและสะพานไม้ริมทะเล ความโรแมนติกปนเท่นี้ อาจทำให้คุณอยากหยุดเวลาไว้ ณ ที่แห่งนี้

ขุนเขาดอกไม้โอบกอด ความอุดมสมบูรณ์ของลักษณะภูมิประเทศในเมืองไทย ทำให้เรามีภูเขาสวย ๆ แมกไม้เขียวชอุ่มและทุ่งดอกไม้นานาชนิด ที่ถ้าคุณลองได้สัมผัสแล้วคุณจะหลงรักเมืองไทยและนึกดีใจในความโชคดีที่เรามีธรรมชาติที่งดงามมากมายโอบกอดเราอยู่ ตัวอย่างเช่น ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน ด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนรวมกับอ่างเก็บน้ำที่รายล้อมด้วยป่าสนและดอกไม้เมืองน้ำ สวยงามดั่งสวรรค์บนโลกมนุษย์, ทุ่งทานตะวัน ลพบุรี บรรยากาศสวยงามสดใสจากทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองกระตุ้นให้คุณรู้สึกร่าเริงมีชีวิตชีวา และ สวนผึ้ง ราชบุรี ที่มีภูมิทัศน์อันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มกับฝูงแกะสุดน่ารัก หรือ แมกไม้เขียวชอุ่มตัดกับโรงแรมหลากสไตล์ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ล้วนแต่มีเสน่ห์ดึงดูดให้คุณอยากกลับไปเยี่ยมเยือนซ้ำแล้วซ้ำอีก

เมืองสวยโอบล้อม ไม่ว่าจะเป็นย่านเมืองเก่าสุดคลาสสิคหรือความหลากหลายของเมืองใหญ่ในไทย ล้วนสวยงามคล้ายกับว่าเมืองใหญ่ที่โอบล้อมเราอยู่กำลังส่งความรักและพลังชีวิตให้กับเรา ตัวอย่างเช่น อยุธยา เมืองเก่าที่สวยงามคลาสสิค ด้วยโบราณสถานรายล้อม อาจทำให้คุณเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสอดีต และกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล มีแม่น้ำเจ้าพระยาทอดตัวยาวประกอบกับภูมิทัศน์ริมน้ำงามจับตา ทำให้คุณปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองใหญ่ก็มีเสน่ห์และบรรยากาศชวนฝันได้อย่างคาดไม่ถึง

เพราะโชคดีที่อยู่เมืองไทย อย่าลืมรักษาความโชคดีนี้ไว้

                เพราะคุณโชคดีที่เมืองไทยมีสถานที่สวยงามมากมาย ดั่งคุณมีความรักมากมายรายล้อมอยู่รอบตัว แต่ถ้าคุณไม่รู้จักดูแลรักษาความรักนี้ไว้ วันหนึ่งความโชคดีของคุณอาจหมดไป ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกไปเที่ยวที่ไหน อย่าลืมให้ความรักกลับไปด้วยการดูแลและเที่ยวอย่างให้เกียรติสถานที่อยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้สัมผัสความสวยงามเหล่านี้ไปอีกนาน

เที่ยวย้อนยุคแบบไทยสไตล์ ตามรอยละครดังอย่าง บุพเพสันนิวาส และ ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

ความดังเปรี้ยงปร้างของละครย้อนยุคอย่างบุพเพสันนิวาส และ ทองเอก หมอยาท่าโฉลง ทำให้แฟนละครหลายคนอินชนิดที่ว่าละครจบ คนไม่จบ บางคนอาจจะอยากสวมชุดไทยแบบพี่หมื่นแม่การะเกด บางคนหันมาสนใจสมุนไพรไทยตามคุณหมอทองเอกสุดหล่อ แต่ที่ขาดไม่ได้คือ การได้ไปท่องเที่ยวเยี่ยมเยือนสถานที่จริงที่เกี่ยวข้องกับละครดัง เพื่อตามรอยละครและซึมซับความรู้สึกย้อนยุคเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นความโชคดีที่สถานที่เหล่านี้อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯเลย ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 4 ชั่วโมง คุณก็สามารถสวมบทบาทเป็นแม่การะเกดหรือพ่อทองเอกท่องเที่ยวไปยังสถานที่แห่งอดีตอันสวยงามล้ำค่าทั้งทางวัฒนธรรมและต่อจิตใจ

รู้แล้วรออะไรหยิบชุดไทยมาสวม แล้วเที่ยวย้อนยุคไปด้วยกันกับเรา

อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน แน่นอนว่าจะย้อนยุคทั้งทีจังหวัดอยุธยาถือเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ทุกคนต้องนึกถึงและพลาดไม่ได้เด็ดขาด ด้วยวัดวาอารามหลวงเก่าจำนวนมากที่ดั่งหยุดเวลาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ย้อนกลับมาสัมผัสอดีตดั่งแม่การะเกด ตัวอย่างเช่น วัดไชยวัฒนารามที่ยิ่งใหญ่งดงามเป็นสมบัติของชาติไทยที่ควรภาคภูมิใจ, วัดพุทไธศวรรย์อันเก่าแก่ที่ยังคงความงดงามและสมบูรณ์, อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา 1 ในมรดกโลกที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังแห่งอดีต, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาที่ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และ เรือนไทยสายน้ำ จามจุรีเรือนหมอทองเอกที่ถูกเนรมิตให้เหมือนเรือนทาสสมัยโบราณมากที่สุด

สมุทรปราการ แหล่งรวมวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ในอาณาจักรอุตสาหกรรมอย่างเมืองโบราณ ด้วยการจำลองสถานที่และวัฒนธรรมอันหลากหลายที่สำคัญของไทยไว้หลายยุคหลายสมัย เช่น ตลาดน้ำเก่าจำลอง หรือ วัดวังจำลองต่าง ๆ ทำให้เป็นที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ใช้ถ่ายทำละครและภาพยนตร์ย้อนยุค ถ้าคุณอยากเที่ยวย้อนยุคและไม่อยากเดินทางไกล ๆ เมืองโบราณคือสถานที่ที่คุณควรมาเยี่ยมเยือน

สระบุรี ผู้ที่หลงใหลในความงามของบ้านทรงไทยสมัยโบราณไม่ควรพลาด มาแวะชมความงามของบ้านไม้ทรงไทยโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้กันได้ที่หอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวน แอบกระซิบว่าที่นี่แหละบ้านของคุณพี่หมื่น

ลพบุรี อีกหนึ่งจังหวัดที่เคยมีบทบาทสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่ที่ผู้ที่อยากเที่ยวย้อนยุคควรแวะมา ไม่ว่าจะเป็น พระที่นั่งไกรสรสีหราช สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ไทย พระที่นั่งที่เคยใช้ศึกษาจันทรุปราคา และบ้านหลวงวิชาเยนทร์ สถานที่รองรับคณะทูตที่มาเข้าเฝ้า สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นับได้ว่ามีความงดงามและเปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์แทบทั้งสิ้น

ปทุมธานี อีกหนึ่งปริมณฑลที่นักท่องเที่ยวย้อนเวลาอาจนึกไม่ถึง ตามหมอทองเอกมาจะเจอว่าที่นี่มีวัดสิงห์ วัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ยุคพระนารายณ์เป็นวัดแบบอยุธยาแท้ดั้งเดิม เกือบ100% รักษาไว้ซึ่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ และสถาปัตยกรรมอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งคุณควรไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง

เที่ยวอย่างมีสำนึกรู้รักษ์ความเป็นไทยส่งต่ออดีตไปยังอนาคต

                การที่เราสามารถท่องเที่ยวย้อนยุคได้ นับเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่บรรพบุรุษของเราสร้างสรรค์และรักษาสมบัติของชาติมาอย่างยาวนาน ดังนั้นการที่เราเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี เคารพกฎสถานที่และดูแลรักษาสมบัติชาตินับเป็นหน้าที่ที่ควรทำ เพื่อที่เราจะได้ส่งต่อความงามและประวัติศาสตร์ไทยที่สมบูรณ์ที่สุดจากอดีตไปยังอนาคตสืบต่อไป

3 สถานที่ท่องเที่ยวตามแนวพระราชดำริ

สถานที่ท่องเที่ยวตามแนวพระราชดำรินั้นเป็นสถานที่ที่เปิดให้ประชาชนบุคคลทั่วไปเข้าไปเที่ยวชมและศึกษาหาความรู้ทางด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในแต่ละโครงการ เพื่อให้นำประโยชน์จากการเรียนรู้เหล่านั้นมาพัฒนาชุมชนของตนเองต่อไป หรือเพื่อนำความรู้ไปบอกต่อแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวพระราชดำรินั้นนับว่ามีประโยชน์ต่อผู้คนเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่พอเพียง สามารถนำความรู้จากโครงการต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์กับไร่นาสวนของตนเองได้อย่างลงตัว โดยมีแบบอย่างที่ถูกวางแผนไว้ให้แล้ว เรามี 3 สถานที่ท่องเที่ยวในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาให้คนที่ยังไม่รู้จักได้ไปเที่ยวชมกันดังนี้คือ

โครงการชั่งหัวมัน จ.เพชรบุรี เป็นโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยทรงบริจาคที่ดินส่วนพระองค์จำนวน 250 กว่าไร่เพื่อมอบเป็นแปลงปลูกทดลองมันเทศในจังหวัดเพชรบุรีเป็นหลัก นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชดำริให้ปลูกผักและผลไม้ซึ่งเป็นพืชการเกษตรท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบุรีอีกด้วย และทรงมีพระราชดำริให้ติดตั้งกังหันลมซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ และได้นำระบบนี้ไปผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโครงการชั่งหัวมัน และแบ่งส่วนหนึ่งเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยทำเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้ประชาชนเข้ามาศึกษาและนำไปประกอบวิชาชีพ จึงก่อให้เกิดเป็นรายได้ในแหล่งชุมชนท้องถิ่นขึ้น

โครงการปิดทองหลังพระ จ.น่าน ซึ่ง เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ โดยมีจุดประสงค์เริ่มแรกคือต้องการให้ผืนป่าถูกทำลายน้อยที่สุดโดยการทำการเกษตรปลูกข้าวด้วยวิธีใหม่ โดยการทำนาแบบขั้นบันไดบนภูเขาเพื่อให้ชาวบ้านอยู่อย่างพอเพียง โดยเป็นโครงการนำร่องให้กับชาวบ้านในเขตพื้นที่จังหวัดน่านได้ทำตาม นอกจากนี้ทางโครงการยังมีการสร้างฝายเก็บน้ำเพื่อเอาไว้ใช้ในยามหน้าแล้งได้อีกด้วย โครงการปิดทองหลังพระนี้ ตั้งอยู่ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ซึ่งในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเต็มตัว และมีประชาชนให้ความสนใจเข้าไปร่วมเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก

โครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองจังหวัดนครนายก เป็นเขื่อนที่อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพ ฯ มากนัก มีความสวยงามมาก ซึ่งสร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง และโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชลนั้นยังช่วยเหลือประชาชนและชาวบ้านละแวกนั้นให้ไม่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวที่ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์สวยสามารถมองเห็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่นอกจากจะได้ความงดงามทางทัศนียภาพแล้วยังช่วยเหลือชาวบ้านได้อีกด้วย  

ซึ่งโครงการตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นมีมากมายหลายพันโครงการ แต่ที่นำมาให้ชมกันนี้เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่และมีผู้ที่สนใจเข้าเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นได้อย่างสะดวกสบาย รวมทั้งสถานที่เหล่านั้นยังคงมีความเป็นธรรมชาติที่งดงามอยู่ สำหรับคนที่สนใจต้องการท่องเที่ยวและเรียนรู้การทำการเกษตรหรือเพื่อไปพักผ่อนชมบรรยากาศที่งดงามนั้นควรไปให้ได้สักหนึ่งครั้งในชีวิต