ญี่ปุ่นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยที่สุดของโลก

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดการความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองโอซาก้าของประเทศญี่ปุ่นนั้น ติดอันดับหนึ่งของเมืองที่ปลอดภัยที่สุดของโลก และเมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่างโตเกียวก็ติดเป็นเมืองอันดับสองเช่นกัน ทั้งนี้เพราะประเทศญี่ปุ่นมีการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพเป็นอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีการควบคุมคุณภาพของอาหาร อากาศ และน้ำ การบริการและการช่วยเหลือแบบฉุกเฉินที่รวดเร็ว และคุณภาพของการบริการที่สมบูรณ์แบบที่สุด เหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดของโลก

เปลี่ยนบรรยากาศจากโรงแรมหรู ไปลองนอนโฮสเทลกับประเทศที่ปลอดภัยที่สุด

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คงอยู่ในความใฝ่ฝันของใครหลายคน และหากเปรียบประเทศญี่ปุุ่นเหมือนอาหาร แดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นอาหารชั้นเลิศของนักเดินทางทั่วโลก เพราะที่นี่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและเป็นอัญมณีทางประวัติศาสตร์ ที่คุณจะสามารถรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต และในที่เดียวกันคุณก็จะได้พบโลกแห่งอนาคตกับนวัตกรรมล้ำยุคของเมืองแห่งอนาคต และสีสันของเมืองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลกอย่างญี่ปุ่น

และแน่นอนเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจแล้ว ก็ย่อมตามมาด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นกัน แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าในประเทศญี่ปุ่นนี้มีที่พักดี ๆ ที่ราคาไม่แพงที่เรียกว่าโฮสเทล ซึ่งโฮสเทลดี ๆ ในญี่ปุ่นที่ติดอันดับโฮสเทลที่ดีที่สุดของโลกก็มีอยู่หลายที่อย่าง Wired Hotel – Tokyo สำหรับ Wired Hotel Tokyo โฮสเทลแห่งนี้ ถือได้ว่าอัญมณีที่สมบูรณ์แบบของโฮสเทล สามารถพบได้ในย่านอาซากุสะของโตเกียวเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโลก และด้วยการเดินทางที่ง่ายสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังมีบริการที่ความอบอุ่นเป็นกันเอง และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย จึงทำให้ Wired Hotel นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นโฮสเทลที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อปี 2561 ด้วยห้องพักที่ติดตั้งฉนวนป้องกันเสียงรบกวนและทุกห้องมีเตียงที่มาพร้อมกับม่านทึบแสง เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลถึงแม้ว่าคุณจะมีอาการเจ็ทแล็ก แต่รับรองว่าเมื่อคุณได้เข้าพักที่ Wired Hotel แห่งนี้คุณก็จะหลับอย่างฝันหวาน เตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นสำรวจเมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ลัดเลาะซอกแซกเดินเข้าตามตรอกออกไปตามถนนหาของกินในญี่ปุ่นแบบชิว ๆ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย ไม่เว้นแม้กระทั้งร้านอาหารข้างทางหรือที่เรียกว่ายะไต (Yattai) ที่มีอยู่ตามย่านต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ยะไตเป็นแผงขายอาหารเล็ก ๆ ที่สามารถพบได้ตามถนนของญี่ปุ่นและในงานเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้คุณได้ลิ้มรสกับอาหารที่แสนอร่อยกับคุณภาพที่ดี ในราคาที่เข้าถึงได้อย่างยากิโซบะ ทุก ๆ เทศกาลของญี่ปุ่นที่มีการออกร้านขายอาหารจะไม่สมบูรณ์แบบเลย หากขาดอาหารอย่างยากิโซบะร้อน ๆ ซึ่งวิธีการทำยากิโซบะนี้ค่อนข้างง่าย ยากิโซบะประกอบไปด้วยเส้นบะหมี่ที่ทำมาจากข้าวสาลีส่วนเนื้อสัตว์ที่ใส่ส่วนใหญ่ก็เป็นเนื้อหมูและก็มีกะหล่ำปีกับหอมหัวใหญ่นำมาผัดรวมกันบนกะทะแผ่นเหล็ก เสร็จแล้วราดด้วยวูสเตอร์ซอส เป็นซอสปรุงรสของญี่ปุ่นสีน้ำตาลมีรสออกเปรี้ยวและมายองเนสโรย หน้าด้วยคัทสึโอะบูชิแผ่นปลาโอตากแห้งบาง ๆ กับสาหร่ายพร้อมทั้งขิงดอง หรือบางครั้งอาจจะเพิ่มไข่ดาวอีกสักใบก็จะทำให้อาหารธรรมดา ๆ อย่างยากิโซบะนี้ดูน่ารับประทานเป็นอย่างมาก

หรือจะลองกินไก่ปิ้งของญี่ปุ่นแบบยากิโทริไก่เสียบไม้ ย่างด้วยเตาถ่านก็เหมือนไก่ย่างแบบบ้านเรา และนอกจากเนื้อไก่แล้วก็ยังมีเนื้อหมูและเนื้อวัวด้วย หรือจะลองกินปลาหมึกย่างอย่างอิคายากิ แล้วก็ยังมีเจ้าขนมครกปลาหมึกอย่างทาโกะยากิ พิซซ่าญี่ปุ่น โอโคโนะมิยากิ ข้าวโพดปิ้งยากิโทะโมโระโคชิมันหวานย่างยากิอิโมะที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา หากได้ลองต้องติดใจกับรสชาติของมันที่หวานกับกลิ่นย่างถ่านหอม ๆ หากคุณไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่นหรือไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าหนาวและได้ลองกินเจ้ายากิอิโมะนี้ รับรองว่าจะทำให้คุณประทับใจกับรสชาติของเมนูบ้าน ๆ นี้แน่นอน และรายการอาหารเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น

เห็นมัยว่าการเดินทางและการท่องเที่ยวในแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชียเจ้าแห่งนวัตรกรรมนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย พร้อมให้คุณได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปใช้ชีวิตแบบฮิปเสตอร์ เติมไฟในตัวคุณกับการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ

มาร์ราเกรซเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญทางเศรษฐกิจของโมร็อกโก

มาร์ราเกรซเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจักรวรรดิโมร็อกโกในอดีต ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และเป็นที่ตั้งของมัสยิด พระราชวัง สวน และเมดินา ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าแก่ของมาร์ราเกรซที่ถูกสร้างขึ้นในยุคกลางของจักรวรรดิ Berber สร้างเป็นแบบกำแพงล้อมรอบพร้อมตรอกซอกซอย ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายสิ่งทอเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องประดับแบบพื้นเมือง และอีกหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองมาร์ราเกรซก็คือ มัสยิด Koutoubia ที่สร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 12 ซึ่งจากจุดชมวิวของสุเหร่าแห่งนี้จะทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบเมืองไปได้หลายไมล์เลย

มาร์ราเกรซพัฒนาระบบเศรษฐกิจจากแบบท้องถิ่น จนกลายเป็นระดับชาติ

มาร์ราเกรซเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของโมร็อกโก มีการปรับปรุงทางหลวงจาก Marrakesh เพื่อไปยัง Casablanca, Agadir และสนามบินท้องถิ่น เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมืองมาร์ราเกรซสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้มากกว่าสองล้านคนต่อปี เนื่องจากมาร์ราเกรซเป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างมากของการท่องเที่ยวสำหรับประเทศโมร็อกโก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นมาร์ราเกรซจึงได้รับการพัฒนาที่สำคัญในหลายด้าน เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมและกิจการเพื่อการพักผ่อนในด้านต่าง ๆ อย่างเช่น สนามกอล์ฟและสปาเพื่อสุขภาพ โดยมีการลงทุนถึง 10.9 พันล้านเดอร์แฮม หรือ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2554 หรือการทุ่มงบประมาณเพื่อรีสอร์ทซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น และก่อให้เกิดการสร้างงานจำนวนมากนั้น ถือได้ว่าเป็นการสร้างความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจระดับชาติ และถือเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมได้อีกหลายพันคนต่อปี

อีกทั้งยังมีการสร้างถนนหลักสายสำคัญอย่าง TheAvenue Mohammed VI ซึ่งถนนเส้นนี้ถือเป็นถนนแห่งเศรษฐกิจสายหลักของมาร์ราเกรซเลยก็ว่าได้ โดยที่จะเห็นได้จากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอาคาร ที่พักอาศัย และโรงแรมหรูหลายแห่ง ที่ตั้งอยู่บนถนน The Avenue Mohammed VI และบนถนนสายนี้ก็ยังมีสถานบันเทิงอย่างไนท์คลับที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกา อย่าง Pacha Marrakech, คลับอินเทรนด์ที่เล่นดนตรีแบบพื้นบ้าน นอกจากนี้ยังมีโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่สองแห่ง คือ Le Coliséeà Gueliz และ Cinéma Rif และย่านช้อปปิ้งใหม่ Al Mazar

The souks ตลาดพื้นเมืองของมาร์ราเกรซกับมนต์สเน่ห์ที่ชวนหลงไหล

การค้าและงานฝีมือมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวสำหรับท้องถิ่น มีตลาดพื้นเมืองกว่า 18 แห่งในมาร์ราเกรซที่มีการจ้างงานกว่า 40,000 คนในการทำเครื่องปั้นดินเผา, เครื่องทองแดง, หนัง และงานฝีมืออื่น ๆ สินค้าที่ขายในตลาดพื้นเมืองหรือ Souks ของมาร์ราเกรซนั้นมีอยู่มากมานหลายรายการ ตั้งแต่รองเท้าพลาสติกไปจนถึงผ้าพันคอสไตล์ปาเลสไตน์ ที่ถูกนำเข้ามาจากอินเดียหรือจีน ร้านบูติกท้องถิ่นมีความเชี่ยวชาญในการทำเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตก โดยใช้วัสดุของโมร็อกโก souks of Marrakech เป็นตลาดพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโมร็อกโก และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในฐานะตลาดที่แปลกใหม่ที่สุดสำหรับการช็อปปิ้งในอดีต การตั้งชื่อและการแบ่งพื้นที่ของ Souks ทั้งหมดนั้นจะถูกแบ่งพื้นที่และการตั้งชื่อตามการจัดวางสินค้าโดยแยกตามมูลค่าของสินค้าที่จัดจำหน่าย

ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีค่ามากที่สุดเช่นทองคำจะมีพื้นที่ตั้งอยู่ในใจกลางของตลาดหรือใจกลางของ souk นั้นเอง และสินค้าราคาถูกอื่น ๆ ก็จะได้พื้นที่ตั้งที่แผ่ออกมาจากตรงจุดใจกลางนั้น แต่ในปัจจุบันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย แต่การตั้งชื่อของ souk ในปัจจุบันก็ยังคงได้รับอิทธิพลของการตั้งชื่อตามผลิตภัณฑ์ที่วางขายในตลาดนั้น ๆ และนอกเหนือจากสินค้าพื้นเมืองในปัจจุบัน ก็อาจพบสินค้าแฟชั่นที่ได้รับความนิยมตามสมัยอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามสินค้าส่วนใหญก็ยังคงเป็นสินค้าพื้นเมืองที่บงบอกถึงวัฒนธรรมเก่าแก่ทางการค้าของชาวมาร์ราเกรซที่มีมารวมพันปี

ถึงตรงนี้ได้เวลาสำหรับวางแผนการเดินทางไปเยี่ยมชมมาร์ราเกชกันแล้วหรือยัง? เตรียมจัดเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าวางเพลนการเดินทางของคุณไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศที่มาร์เกรซสักครั้ง และไม่ว่ารูปแบบการพักผ่อนของคุณในมาร์เกรซจะเป็นแบบชิว ๆ นอนเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่ข้างสระน้ำของโรงแรมทั้งวัน หรือจะออกไปสำรวจทุกซอกทุกมุมของมาร์ราเกรซทุกวันอย่างหนึ่งที่ขอรับรองว่าคุณจะได้รับความบันเทิงอย่างมีความสุขแน่นอน

พิพิธภัณฑ์ศิลปะและพิพิธภัณฑ์ของแปลกที่ต้องไปดูให้ได้สักครั้งในชีวิต

เชื่อว่าสำหรับผู้ที่ชอบการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากความหลงใหลในความงดงามของศิลปะ สำหรับนักเดินทางหลายหลาย ๆ ท่านที่ชื่นชอบการเสพงานศิลปะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปกรรม ปฏิมากรรม จิตรกรรม หรือสถาปัตยกรรมก็ดี วันนี้เรามีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ดีที่สุดในโลกมาแบ่งปันเรื่องราว เพื่อให้นักเดินทางที่ชื่นชอบและหลงไหลได้ตามไปเสพงานศิลปะกัน และนอกจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแล้ว บนโลกใบนี้ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แปลกที่สุดอีกด้วย

รู้จักพิพิธภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการเสพงานศิลปะ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุงาวะ (ญี่ปุ่น) ตระกูลโทะกุงะวะได้ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปี 1600 ถึง 1868 ซึ่งภายใต้การปกครองของตระกูลโทะกุงะวะนี้ ประเทศญี่ปุ่นถือได้ว่ามีความเจริญรุ่งเรืองและร่มเย็นเป็นสุขยาวนานที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลายคนอาจจะรู้จักกันดีกับอีกชื่อหนึ่งว่ายุคเอโดะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ศิลปะแห่งดอกไม้ในญี่ปุ่น ศิลปินในยุคนี้มีอิทธิพลโดยตรงกับอาจารย์ชาวตะวันตก เช่น มาเนต์กากุอินและวิสต์เลอร์ และต่อมาได้กลายเป็นชื่อในส่วนของการจัดแสดง ซึ่งส่วนการจัดแสดงอื่น ๆ ก็ได้นำเสนอบริบทออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยผ่านสภาพแวดล้อมที่สะท้อนแง่มุมการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น รวมถึงการจัดแสดงดาบซามูไรและชุดเกราะเครื่องปั้นดินเผา และเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สุดประณีต

พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยาแห่งชาติ (เม็กซิโก) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ถือได้ว่ามีตัวอาคารกว้างและใหญ่ รวมถึงสภาพแวดล้อมภายในของพิพิธภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยเนื้อที่ประมาณ 20 เอเคอร์ที่สามารถสร้างสรรค์สวนที่เต็มไปด้วยใบไม้ น้ำตก สระว่ายน้ำ และรูปปั้น ส่วนชั้นล่างเป็นการแสดงศิลปะพรีโคลัมเบียนที่ไม่มีใครเทียบชั้นผลงาน ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นชั้นเยี่ยมของงานศิลปะแบบพื้นบ้านแบบเม็กซิกัน และคุณยังจะได้พบกับผลงานของศิลปินและช่างแกะสลักชาวเม็กซิกันอีกด้วย

เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งมินนิโซตา พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งมินนิโซตาแห่งนี้มีการจัดนิทรรศการส่วนหนึ่งที่มีชื่อว่า “ชุดอุปกรณ์การแพทย์ที่น่าสงสัย” (The Collection of Questionable Medical Devices) ซึ่งในส่วนของนิทรรศการนี้ได้มีการนำเอาอุปกรณ์การแพทย์ที่น่าสงสัยทั้งหลายมาจัดแสดงรวมอยู่ด้วย ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์เหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชายชาววิสคอนซิน ชื่อเฮนรีเลเวอรี่ ในช่วงทศวรรษ 1930 Psychograph ถูกออกแบบมาเพื่ออ่านการกระแทกบนศีรษะของผู้ป่วย ซึ่งใช้วัดความแข็งแกร่งของลักษณะบุคลิกภาพของพวกเขา Psychograph จะสร้างรายงานจัดอันดับความสามารถและบุคลิกภาพของผู้ป่วยตามขนาดและรูปร่างของกะโหลกศีรษะของพวกเขา

พิพิธภัณฑ์มัสตาร์ดแห่งชาติ National Mustard Museum พิพิธภัณฑ์มัสตาร์ดแห่งชาตินี้อยู่ใน มิดเดิลตันวิสคอนซินประเทศอังกฤษ ซึ่งพิพิธภัณฑ์มัสตาร์ดแห่งชาตินี้ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี สำหรับผู้ที่ชื่นชอบมัสตาร์ด ในพิพิธภัณฑ์นี้มีมัสตาร์ดมากกว่า 5,400 ชนิด และในทุกวันที่ 4 สิงหาคมของทุกปีก็ยังถือเป็นวันสำคัญที่รู้จักกันในชื่อ วันมัสตาร์ดแห่งชาติ บนถนนในเมืองมิดเดิลตันจะมีชีวิตชีวาด้วยฮ็อตด็อกฟรี มัสตาร์ด คัสตาร์ด และเครื่องปรุงต่าง ๆ

พิพิธภัณฑ์ที่ได้กล่าวมานี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งที่รวบรวมสิ่งสำคัญต่าง ๆ ของโลก และเก็บเรื่องราวจากอดีตจนถึงปัจจุบันส่งต่อเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้เราได้ไปสัมผัสและชื่นชมอีกทั้ งยังได้เรียนรู้เปิดหูเปิดตากับวัฒนธรรมที่แต่งต่างอย่างไม่รู้จบ

เสน่ห์แห่งกรุงโซล เมืองเศรษฐกิจใหญ่ของเอเชียที่คุณควรไปเยี่ยมชม

กรุงโซลเมืองหลวงของเกาหลีใต้มหานครแห่งอนาคตที่มีตึกระฟ้าเต็มไปหมด และวัฒนธรรมผ่านเสียงดนตรีแบบเคป๊อปที่ฮิตติดกระแสในกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลก แต่ก็ยังคงรักษาเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีไว้ได้เป็นอย่างดี กับการเยี่ยมชมพระราชวังหรือการเดินเล่นในตลาดต่าง ๆ  กรุงโซลใช้เวลาประมาณเพียง 50 ปีนับตั้งแต่เกิดสงครามเกาหลีจนโซลกลายเป็นหนึ่งในสิบเมืองที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก และเป็นหนึ่งในสองเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ไปโซลแล้วจะหาที่พักอยู่แถวไหนดี กับชาวฮิปเตอร์อย่างเรา

เมื่อพูดถึงกรุงโซลกับย่านที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว อาจแบ่งได้เป็นสี่โซนอย่างฮงแด, กังนัม, อิแทวอน และย่านธุรกิจกับแหล่งช็อปปิ้งอย่างเมียงดง หากคุณเป็นวัยรุ่นคุณอาจจะเลือกพักแถวย่านฮงแด เพราะที่นั่นคุณจะได้พบเจอกับวัฒนธรรมและกิจกรมมของกลุ่มวัยรุ่นในโซล และในระแวกฮงแดถัดไปไม่ไกลคุณก็จะพบกับอิเทวอน ถนนสายสำคัญอีกเส้นหนึ่งของโซล ที่มีทั้งสินค้าแฟชั่นที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่น ร้านอาหาร และสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่จะทำให้คุณรู้สึกเพลิดเพลินกับประสบการณ์การเป็นวัยรุ่นในกรุงโซล

นอกจากนี้ฮงแดเป็นย่านที่สะอาดและเงียบสงบ ในช่วงเวลาระหว่างวันและยังมีสวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่เป็นปอดของคนเมืองอย่าง Gyeongui Line Forest Park และคุณก็อาจจะหาที่พักแบบราคาถูกในย่านฮงแดได้ไม่ยาก หากคุณอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศกับการพักตามโรงแรมใหญ่ ๆ ในโซล ในฮงแดมีห้องพักแบบสตูดิโอเล็ก ๆ ที่อยู่แถวใจกลางฮงแด ที่มีบริการทั้งแบบรายวันและรายเดือนให้คุณได้เลือกตามความเหมาะสมกับเวลาการพักผ่อนของคุณ หรือหากคุณมีเวลาเพียงระยะสั้น ๆ คุณอาจจะลองใช้บริการที่พักแบบโฮสเทลคุณก็สามารถหาได้ในย่างฮงแดแห่งนี้เช่นกัน อีกอย่างไม่ต้องกังวลเลยกับการอัพเดทบนโลกโซเชียลหรือท่องโลกออนไลน์สำหรับนักเดินทาง เพราะทุกที่คุณสามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ทั่วฮงแด

เยี่ยมชมประวัติศาสตร์แห่งราชวงศ์โชซอนของเกาหลีในพระราชเคียงบกกุง

พระราชวังเคียงบกกุง เป็นพระราชวังแห่งแรกที่สร้างขึ้นโดยราชวงศ์โชซอนโดย King Taej กษัตริย์องค์แรกและผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน พระราชวังเคียงบกกุงก่อสร้างขึ้นในปี 1395 พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังหลักของราชวงศ์โชซอน และถือเป็นตัวแทนของอำนาจอธิปไตยแห่งราชวงศ์โชซอนอีกด้วย พระราชวังเคียงบกกุงเป็นหนึ่งในห้าพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ซึ่งพระราชวังอีกสี่แห่งได้แก่พระราชวังเคียงฮุยกุง, พระราชวังถ๊อกซูกุง, พระราชวังชังกย๊อง และพระราชวังชางด๊อก เมื่อคุณเดินเข้าไปถึงบริเวณห้องโถงใหญ่ที่ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการขององค์กษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน คุณก็จะได้พบกับบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ขององค์กษัตริย์โชซอน ซึ่งได้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติสำคัญแห่งชาติของเกาหลีใต้ และภายในบริเวณพระราชวังเคียงบกกุงนี้คุณก็จะได้พบกับศาลาฮยางวอนจอง ศาลารูปทรงหกเหลี่ยมที่สร้างอยู่กลางทะเลสาบที่สวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนของราชวงศ์โชซอนและเป็นจุดที่สวยที่สุดจุดหนึ่งสำหรับช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

สิ่งหนึ่งที่จะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจเมื่อคุณได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมพระราชวังในกรุงโซล จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนก้าวผ่านเวลาย้อนเวลากลับไปในประวัติศาสตร์ของอดีต และเพียงแค่คุณก้าวข้ามพ้นประตูวังออกมาบนถนนด้านนอกคุณก็จะได้พบกับวิถีของผู้คนในยุคปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยแฟชั่นและวัฒนธรรมดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเหมือนเป็นจักรวาลคู่ขนาดกับเสน่ห์ของเมืองหลวง ณ กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้

ออนเซ็น ควรไปสัมผัสสักครั้งเมื่อมีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

การได้มีโอกาสสัมผัสกับออนเซ็นในญี่ปุ่นนั้นถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของชีวิต และถ้าหากได้มีโอกาสลองออนเซ็นสักครั้งอาจทำให้คุณรู้สึกติดใจกับเสน่ห์ของวัฒนธรรมการอาบน้ำของชาวญี่ปุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ประเทศญี่ปุ่นมีประเพณีและวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกมาอย่างยาวนาน ไม่เว้นแม้แต่กับเรื่องที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อยอย่างการอาบน้ำ แต่นี้ก็คือความงดงามของประเทศญี่ปุ่น

ออนเซ็นคืออะไรแล้วทำไมคนถึงชอบไปอาบน้ำแบบออนเซ็นกัน

ออนเซ็นตามความหมายในภาษาญี่ปุ่นคือน้ำพุร้อน เนื่องจากในประเทศญี่ปุ่นยังคงมีความร้อนใต้ดินอยู่ในเกือบทุกภูมิภาค จึงทำให้มีบ่อน้ำพุร้อนเกิดขึ้น และต่อมาก็มีการสร้างห้องอาบน้ำพุร้อนขึ้นมากมาย เพื่อไว้คอยบริการให้กับประชาชน และหลายเมืองในชนบทของประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงมีห้องอาบน้ำพุร้อนสาธารณะที่ตั้งอยู่โดยรอบ แต่ในปัจจุบันได้มีการทำห้องอาบน้ำพุร้อนแบบส่วนตัวเกิดขึ้นในหลายโรงแรมของญี่ปุ่น แต่ก็ยังคงมีแบบสาธารณะอยู่เช่นกัน จึงเป็นที่รู้กันดีหากบอกว่าไปออนเซ็นนั้นก็คือการไปอาบน้ำพุร้อนนั้นเอง และนอกจากการอาบน้ำพุร้อนแบบภายในตัวอาคารแล้ว ในญี่ปุ่นก็ยังมีการอาบน้ำพุร้อนแบบกลางแจ้งอีกด้วย ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่าโระเท็มบุโระ ออนเซ็นทั้งหมดน้ำที่ใช้ส่วนใหญ่จะมาจากบ่อน้ำพุร้อนใต้ดินทั้งนั้น แต่บางแห่งก็มีผสมกับน้ำประปาบ้าง เนื่องจากน้ำพุร้อนนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติในน้ำพุร้อนก็จะมีแร่ธาตุอยู่มาก อย่างเช่นธาตุเหล็ก, ซัลเฟอร์หรือกำมะถัน ที่ดีต่อร่างกายคนเรานั่นเอง และยังมีแร่ธาตุอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งการแช่น้ำพุร้อนนั้นก็จะช่วยในเรื่องการปรับสมดุลของร่างกายได้ตามความเชื่อ อีกทั้งยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายจึงเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้เคยลองแช่น้ำพุร้อนหรือออนเซ็นนั่นเอง

ฮิรายุสวรรค์ของการออนเซ็นทามกลางธรรมชาติกับเมืองเล็ก ๆ

ฮิรายุออนเซ็น คือหนึ่งในห้าหมู่บ้านของตำนานหมู่บ้านโอคุฮิดะออนเซ็น ที่ซึ่งมีน้ำพุร้อนมาจากเทือกเขาทาเทยาม่า หรือที่รู้จักกันดีกับเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่น หมู่บ้านโอคุฮิดะออนเซ็นประกอบด้วยห้าหมู่บ้าน ตั้งอยู่ในเมืองทาคายามะในจังหวัดกิฟุ คุณสามารถไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ได้โดยนั่งรถบัสไปหนึ่งชั่วโมงจากทาคายามะ เราขอแนะนำให้นักท่องเที่ยวมาพักที่ฮิรายุเพราะฮิรายุเป็นศูนย์กลางการคมนาคมหลักของพื้นที่ เมื่อไปถึงที่นั่นคุณสามารถผ่อนคลายและดื่มด่ำกับออนเซ็นกลางแจ้งที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่นกับออนเซ็นทุกที่ในฮิรายุ และด้วยทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่นที่สูงตระหง่าน รอให้นักท่องเที่ยวได้ไปชื่นชม อีกทั้งสำหรับผู้ชื่นชอบการปีนเขาเมืองฮิรายุนั้นก็ถือว่าเป็นอีกที่หนึ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับกิจกรรมการเดินป่า เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น หนึ่งในเส้นทางยอดนิยมจากฮิรายุที่จะขึ้นสู้เทือกเขาแอลป์นั้น คือเส้นทางขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชินโฮทากะคุ ณจะได้รับมุมมองที่น่าตื่นตาตื่นใจของยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมทั้งทัศนียภาพที่งดงามเกินบรรยาย

การแช่ออนเซ็นถือเป็นประสบการณ์การเรียนรู้วัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ อีกทั้งยังถือเป็นการพักผ่อนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคล้าย ด้วยคุณสมบัติของการบำบัดจากน้ำ พร้อมทั้งการชื่นชมทัศนียภาพของธรรมชาติอันงดงาม ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าลองเมื่อได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

เที่ยวมาเลเซียเมืองแห่งความหลายหลาย ไม่ว่าคุณชอบเที่ยวแนวไหนมาเลเซียมีคำตอบ

เพื่อนบ้านทางฝั่งตอนใต้ของไทยสมาชิกร่วม AEC ที่คุณอาจไม่เคยสนใจอย่างมาเลเซีย คือหนึ่งในประเทศที่น่าสนใจและรวมความหลากหลายไว้อย่างที่คุณคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ธรรมชาติ หรือความทันสมัย ถูกหลอมรวมกันไว้ในมาเลเซีย รอเพียงให้คุณเปิดใจมาสัมผัสกับความมีเสน่ห์นี้

เที่ยวสุดฟินอินทุกโหมดได้ในมาเลเซีย

                สายรักธรรมชาติ  ไม่ว่าจะทะเลหาดทรายสวย ๆ ภูเขาสูงท้าทายความแข็งแกร่ง ถ้ำสุดลึกลับ หรือป่าใหญ่ แวะมาที่มาเลเซียมีหมดตัวอย่างเช่น “สะพานลังกาวีสกาย (Langkawi Sky Bridge)”ตั้งอยู่บนเกาะลังกาวีดินแดนแห่งตำนานพระนางมัสสุหรี ห่างจากเกาะตะรุเตา จ.สตูล เพียง 4 กม. ความพิเศษของสะพานแขวนนี้คือคุณสามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันได้แบบพาราโนมา โดยมีด้านล่างเป็นผืนป่าใหญ่ และด้วยความสูงกว่า 2,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ท้าทายความกล้าของผู้ที่ต้องการท้าทายความสูง และ “เกาะสิปาดัน (Sipadan Island) เป็นเกาะเล็ก ๆ ขึ้นชื่อว่ามีจุดดำน้ำที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ที่ตั้งอยู่ใจกลางทะเลเซเลเบส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐซาบาห์ มีความสวยงาม และความสมบูรณ์ของท้องทะเลอย่างมาก เนื่องจากไม่มีโรงแรมและจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวทำให้บรรยากาศบนเกาะก็เงียบสงบ มีหาดทรายขาวสะอาดทอดยาวล้อมรอบทั้งเกาะ ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม

                สายรักวัฒนธรรม  ด้วยการผสมผสานของวัฒนธรรมและธรรมชาติ ทำให้มาเลเซียมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาที่ตั้งอยู่ในธรรมชาติอันสวยงามจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น “ถ้ำบาตู (Batu Caves)” ถ้ำแห่งนี้ถือเป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือศาสนาฮินดู เป็นถ้ำหินปูนที่เก่าแก่ มียาวถึง 400 เมตรและสูง 100 เมตร ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ จุดเด่นของถ้ำบาตู คือ รูปปั้นพระขันธกุมารสีทองงามระยับด้านหน้าบันไดทางขึ้น ซึ่งมีความสูง 42.7 เมตร และวัด ชิน สวี (Chin Swee Caves Temple) วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปแกะสลักจากหินขนาดใหญ่ สร้างตามลักษณะของวัดและเจดีย์จีนตั้งอยู่ที่ความสูง 4,600 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้มีความเงียบสงบและเย็นสบาย ตั้งอยู่ในเก็นติ้ง ไฮแลนด์ (Genting Highlands) ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ 1 ชม.

                สายรักความทันสมัย เมืองใหญ่ของมาเลเซียคือศูนย์รวมความทันสมัย โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกัวลาลัมเปอร์  ตัวอย่างเช่น “ตึกแฝดเปโตรนาส” ตึกแฝดที่สูงที่สุดในมาเลเซียสูง 452 เมตร 88 ชั้น เป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ถูกออกแบบมาให้มีการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและวัฒนธรรมคล้ายสถาปัตยกรรมอิสลาม อีกทั้งมีการใช้พื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ศูนย์ประชุม แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ และศูนย์วิทยาศาสตร์สุดทันสมัย ทำให้ตอบโจทย์กับคนยุคใหม่หัวใจไฮเทค

เที่ยวมาเลเซียสุดคุ้มทริปเดียวไม่เคยพอ

                ด้วยความหลากหลายของมาเลเซียทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินและใช้เวลาในช่วงวันหยุดของคุณได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าคุณชื่นชอบการท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมแบบไหน มาเลเซียมีคำตอบให้คุณเสมอ นอกจากน่าเที่ยวแล้วยังไม่ไกล เดินทางสะดวก และไม่แพงมาก ถ้าคุณได้ลองมาเที่ยวแล้วคุณอาจจะติดใจจนอยากตีตั๋วครั้งถัดไปกลับมาเที่ยวมาเลเซียอีก

เที่ยวพม่า เยี่ยมบ้านใกล้เรือนเคียงเรียนรู้วัฒนธรรมรับกระแส AEC

พม่า หรือที่คุณควรเรียกอย่างเป็นทางการว่าเมียนมาร์เป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่มีประวัติศาสตร์อันใกล้ชิดมาอย่างยาวนานกับประเทศไทย ยิ่งตอนนี้กระแส AEC หรือ Asean Economics Community ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างเมียนมาร์เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกับความสวยงามกันมากขึ้น

ทริปหน้าในเมียนมาร์ไปไหนดี

                วัดเมียนมาร์สวยศักดิ์สิทธิ์ เมียนมาร์มีวัดดังจำนวนมากซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง และเป็นเหมือนซิกเนเจอร์ว่ามาเมียนมาร์ต้องได้ไปไหว้พระ ตัวอย่างเช่น “มหาเจดีย์ชเวดากอง” มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาร์สวยงามด้วยสีทองระยับจับตา รวมกับความเชื่อที่ว่าได้บรรจุพระเกศ 8 เส้นของพระพุทธเจ้าเอาไว้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์มาก ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง และ “พระธาตุอินทร์แขวน” ที่มีความสวยงามแปลกตาจากการที่มีพระบรมธาตุสร้างอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่สีทองอร่ามซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าพระอินทร์เป็นผู้นำพระธาตุมาแขวนไว้ พระธาตุตั้งอยู่ที่ยอดเขาพวงลวงเมืองไจ้ก์โถ่ รัฐมอญ

                ทะเลสาบเมียนมาร์เปี่ยมเสน่ห์ “ทะเลสาบอินเล” รัฐฉาน เรียกได้ว่าเสน่ห์ดึงดูดของที่นี่นอกจากความสวยงามของท้องทะเลสาบให้เราได้กินลมชมวิวแล้ว ก็คือชนเผ่าท้องถิ่นอย่าง ชาวอินทา ซึ่งมีอาชีพหลักด้านการเกษตรและประมง ที่มีวิธีการหาปลา การพายเรือด้วยเท้า ที่ชาวประมงที่อื่นต้องยกนิ้วให้ในวิธีการพิเศษนี้เลย

                ทะเลเมียนมาร์สวยสะกดใจ ด้วยหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส หรือเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้ทะเลเมียนมาร์มีเสน่ห์ไม่แพ้ทะเลไทยเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่เชื่อต้องลองแวะมาพิสูจน์ความงามของทะเลเมียนมาร์สักครั้ง ตัวอย่างทะเลเมียนมาร์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ หาดงาปาลี เมืองตั่งตแว รัฐยะไข่ คนรักทะเลสวย หาดทรายขาว ชาวบ้านน่ารัก ไม่ควรพลาด และเกาะหัวใจมรกต (เกาะคอคส์คอมบ์) โดดเด่นด้วยธรรมชาติใต้น้ำทั้งปลาและปะการังนานาชนิด ห่างจาก จ. ระนองประมาณ 80 กม. โดยความพิเศษคือไม่มีชายหาดแต่คุณสามารถว่ายน้ำลอดช่องปากทางเข้าเกาะไปได้ และหากมองจากมุมสูงคุณจะพบว่าช่องกลางเกาะแห่งนี้รูปร่างคล้ายกับหัวใจ

เวียงวังงามตา เมียนมาร์เคยรุ่งเรืองด้วยการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทำให้มีพระราชวังที่สวยงามจับตาจับใจหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น พระราชวังบุเรงนอง (พระราชวังกัมโพชธานี) เมืองหงสาวดี เป็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่ที่ถูกเผาจนเหลือแต่ซากหลังพระเจ้าบุเรงนองสวรรคต จากกบฏยะไข่ ซึ่งภายหลังได้มีการสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมาตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่เรืองรองที่มีมาแต่อดีต และพระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังไม้สักทั้งหลังอันสวยงามแห่งสุดท้ายก่อนถูกอังกฤษเข้ายึดครอง เคยได้ชื่อว่าเป็นพระราชวังที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่ถูกเผาจากระเบิดฝ่ายสัมพันธมิตรกองทัพอังกฤษ ภายหลังได้มีการสร้างพระราชวังจำลองขึ้นตามรูปแบบพระราชวังเดิมแม้ศิลปะอาจจะไม่ทัดเทียมของเดิมแต่ก็จัดว่ายังงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีสะพานอูเบ็งสะพานไม้สักที่เหลือจากการรื้อพระราชวังเก่าที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกอายุกว่า 200 ปี ยาวกว่า 1.2 กม. ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ ไม่ไกลจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ เป็นสะพานที่ใช้ข้ามทะเลสาบตองตะมาน ไปยังเจดีย์เจ๊าตอว์กยี ยิ่งใหญ่ควรค่าต่อการไปเยือน

ทะเลเจดีย์และสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลกทีเด็ดที่ไม่ควรพลาด ด้วยเจดีย์จำนวนมากกว่า 4,000 องค์ทำให้ทะเลเจดีย์ เมืองพุกามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และยิ่งใหญ่มาก ทั้งยังมีไฮไลท์เป็นการลอยบอลลูนขึ้นฟ้าเหนือเจดีย์ ทำให้มีภาพสุดคลาสสิคน่าประทับใจ

แดนพุทธศาสนาล้ำค่าทางวัฒนธรรมอุดมด้วยธรรมชาติ

หากคุณมีเวลาไม่มากและไม่อยากเดินทางไปไหนไกล ๆ แต่ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเปิดหูเปิดตาดูสิ่งน่าสนใจใหม่ ๆ คุณไม่ควรมองข้ามประเทศใกล้ ๆ ลองแวะไปท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านที่มีทีเด็ดมากมายอย่างเมียนมาร์กันแล้วคุณอาจจะติดใจจนอยากหยุดเที่ยวต่อเลยทีเดียว

เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ สวรรค์บนโลกมนุษย์ที่คุณควรเยือนครั้งหนึ่งในชีวิต

ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอย่างที่สุดดั่งสวรรค์บนโลกมนุษย์อย่าง สวิสเซอร์แลนด์ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่คุณควรเก็บไว้ในใจและหาโอกาสไปเที่ยวเยี่ยมเยียนสักครั้งหนึ่งในชีวิตให้ได้ เพราะมนต์เสน่ห์ของประเทศอาจจะทำให้คุณหลงรักจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ที่นี่เลยทีเดียว

สวิสเซอร์แลนด์มีอะไรดีที่คุณไม่ควรพลาด

                เที่ยวภูเขาเทือกเขา เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของการมาเที่ยวยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เนื่องด้วยความที่เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่บนที่สูงและไม่มีชายฝั่งติดทะเล ทำให้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาและเทือกเขาที่มีชื่อเสียงและสวยงามจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น “Jungfrau ยอดเขายุงเฟรา” ยอดเขาที่หลายคนบอกว่า ถ้าไม่ได้ไปที่นี่เหมือนมาไม่ถึงสวิสเซอร์แลนด์ เพราะเป็นจุด Top of Europe นอกจากความสวยงามของวิวทิวทัศน์และความเป็นสถานที่ยอดนิยมในการเล่นสกีแล้ว ยังมีถ้ำน้ำแข็งแกะสลักสุดงดงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็งที่ไม่เคยละลายที่คุณไม่ควรพลาด, “Matterhorn mountain (แมทเธอฮอร์น)” ภูเขารูปทรงปิรามิดตั้งระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี เป็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี และ “Rigi (ริกิ)” ยอดเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งเทือกเขา Schwyz Alps ด้วยวิวที่สวยงามโดยรอบแบบ 360 องศา ทำให้คุณต้องตะลึงในความสวยงามของภูเขาแห่งนี้

                เที่ยวไปกับสายน้ำ ชาวสวิตเซอร์แลนด์มักมีคำพูดติดปากที่ว่า เราไม่มีทะเลแต่เรามีทะเลสาบ น้ำตก และธารน้ำแข็ง ด้วยความที่สวิสเซอร์แลนด์มีทั้งน้ำตกขนาดใหญ่อย่างน้ำตกไรน์ ธารน้ำแข็งอเล็ท์ชกลาเซียร์ และทะเลสาบหลายแห่งซึ่งล้วนแต่สวยงามสะอาดตาทั้งสิ้น ทำให้สายน้ำเป็นจุดเด่นซึ่งคุณควรเลือกแวะไปพักผ่อนกายใจในทริป ตัวอย่างเช่น “Lake Geneva (ทะเลสาบเจนีวา)” ไข่มุกของริเวียร่าแห่งสวิส เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปยุโรปกลาง ตั้งอยู่ในเมือง Geneva และมีบางส่วนติดกับฝรั่งเศส อีกทั้งมีน้ำพุ Jet d’Eau ซึ่งเป็นน้ำพุขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงเนื่องจากคุณสามารถมองเห็นเปลวน้ำจากทางอากาศและในตัวเมืองได้ และ “Thunersee (ทะเลสาบทูน)” ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของ Bernese Oberland เชิงเขาของเทือกเขา Alps ทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยตระการตามากจากการที่ทะเลสาบถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา

                เที่ยวเมืองยุโรปเปี่ยมเสน่ห์ ด้วยความที่ชาวสวิสเซอร์แลนด์ค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม ศิลปะ และวัฒนธรรม ทำให้เมืองต่าง ๆ ค่อนข้างสวยงามและมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะเลือกพักเมืองไหนก็สวยงามน่าค้นหาไม่แพ้กัน ตัวอย่างเช่น “Interlaken(อินเทอร์ลาเก้น)” เป็นเมืองทางผ่านที่จะขึ้นไปยังยอดเขายุงเฟรา มีภูมิทัศน์สุดตระการตาจากการที่เป็นเมืองกึ่งกลางระหว่างทะเลสาบทูนและทะเลสาบบรีนซ์ มีแม่น้ำอาเรเชื่อมทะเลสาบตัดผ่านกลางเมือง และ “Zurich(ซูริค)” เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เป็นทั้งศูนย์กลางคมนาคม แหล่งรวมสถาบันการเงิน โดดเด่นเรื่องพิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรม และย่านเมืองเก่า

เที่ยวชมทัศนียภาพด้วยรถไฟ เป็นกิจกรรมหลักที่คุณไม่ควรพลาดเพราะการได้นั่งรถไปในสวิตเซอร์แลนด์จะทำให้คุณอยากถึงปลายทางแบบช้าที่สุดเพราะวิวที่สามารถมองผ่านจากรถไฟจะทำให้คุณทึ่งในความสวยทุกอณูของประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ ตัวอย่างรถไฟสายดังได้แก่ รถไฟสาย “ Bernina Express & Glacier Express (เบอนีน่าเอ๊กเพรสและกลาเซียเอ๊กเพรส)” สุดโรแมนติกที่จะวิ่งผ่านเทือกเขา Alps ผ่านหุบเหวลึก สายน้ำใส สะพานสวย ปราสาทเก่า และเมืองสุดคลาสสิค

เที่ยวบ้านเขาแล้วอย่าลืมเรียนรู้มาใช้กับบ้านเรา

                หากเทียบความโชคดีที่คนสวิตเซอร์แลนด์มีธรรมชาติที่สวยงามแล้วละก็คนไทยเราก็โชคดีไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ดูแลรักษาความงามของธรรมชาติไว้ได้อย่างน่าชื่นชมก็คือการมีจิตสำนึกรับผิดชอบและการมีระเบียบวินัยของผู้คน เราควรเรียนรู้สิ่งเหล่านี้และนำมาปรับใช้เพื่อให้ความงามของธรรมชาติในไทยสวยงามยั่งยืนได้ไม่แพ้กัน

เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับอินเดีย ดินแดนแห่งวัฒนธรรมล้ำค่า

                หลายเสียงจากปากของคนที่เคยได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวที่อินเดียมา มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอินเดียไม่น่าไป สกปรก วุ่นวาย ไร้ระเบียบ ต่าง ๆ นา ๆ เพราะเหตุนี้ จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่อยากที่จะไปเที่ยวที่ประเทศอินเดีย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วหลายสิ่งก่อสร้าง หลายสถานที่สำคัญของอินเดียนั้น ทั้งสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะ และทรงคุณค่าเป็นอย่างมาก เพียงแต่เราต้องศึกษาหาข้อมูลให้พร้อมก่อนที่จะวางแผนไปเที่ยวที่ประเทศอินเดีย

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดที่เกี่ยวกับประเทศอินเดียในทางลบเหล่านั้นไม่เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของประเทศอินเดียที่เป็นแบบนั้น แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่อาจจะห่างไกลความเจริญ หรือยังพัฒนาได้ไม่เท่ากับประเทศอื่น ๆ แต่นั่นไม่หมายความว่าประเทศอินเดียไม่มีอะไรดีเลย ถ้าเรายังไม่เปิดใจและยังอคติอยู่ เราอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้เห็นมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นใหญ่มากมายเลยก็ว่าได้

แสงสว่างของอินเดีย สถานที่น่าเที่ยวที่สุดที่คุณอาจไม่เคยรู้

                เอาใจสายศิลปะและโบราณวัตถุกันก่อนกับพิพิธภัณฑ์ปอนดีเชอรี แหล่งรวมศิลปะและของยุคโบราณมากมายที่ถูกใช้จริงในสมัยราชวงศ์ปัลวะและราชวงศ์โจลาอัน ซึ่งประกอบด้วยหินแกะสลัก ศิลปะที่ทำจากแร่ทองแดง และผลงานศิลปะต่าง ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดถูกรวมอยู่ที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสวยงามที่หาไม่ได้ในยุคนี้ ต่อกับกันสถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกหนึ่งที่ นั่นก็คือ ป้อม Gingee เป็นเหมือนป้อมปราการแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจฬะ ซึ่งเป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมมากมายไว้ในที่แห่งนี้ ตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่เราจะได้เห็นจากที่ป้อม Gingee ได้แก่พวก วัดฮินดู หอสมรสที่มีความสูงถึง 800 ฟุต และห้องขังนักโทษตั้งแต่ยุคนั้น

ต่อด้วยสายธรรมชาติอย่างแคชเมียร์ เปรียบเสมือนดินแดนในเทพนิยายอีกที่หนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยความสวยงามของเทือกเขาหิมาลัย ยิ่งเป็นช่วงของฤดูหนาวที่หิมะตกด้วยแล้ว ความสวยงามยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ถ้าเป็นหน้าร้อน เราก็จะได้พบกับทุ่งหญ้าเขียวสด รวมไปถึงวิวธรรมชาติอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น น้ำตก สวน หรือทะเลสาบต่าง ๆ เรียกได้ว่าได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงามอย่างแท้จริง พูดถึงภูเขา ทะเลสาบ ทุ่งหญ้าไปแล้ว คงไม่พูดถึงทะเลไม่ได้ สำหรับสายทะเลทั้งหลาย แนะนำกัว กัวเป็นรัฐที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศอินเดีย แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่กัวไม่เล็กตามขนาดรัฐเลย เนื่องจากที่กัวมีหาดและทะเลสาบมากมายที่สวยงาม และนอกจากจะเป็นหาดแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกโลกอยู่อีกด้วย แน่นอนว่ามีกิจกรรมมากมายให้ทำที่กัวและชมธรรมชาติที่สวยงามราวกับนิทานจนลืมเวลากันได้เลยทีเดียว

นี่เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศอินเดียไม่ได้แย่ทั้งประเทศ ยังมีอีกหลายมุมที่เป็น Unseen ของประเทศอินเดียที่คุ้มแค่แก่การไปสัมผัส แนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวแบบชมประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม สถานที่ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างแน่นอน

 

นิวซีแลนด์ ดินแดนแห่งการท่องเที่ยว ไปครั้งเดียวไม่มีทางพอ

                เป็นอีกหนึ่งประเทศที่พูดได้เลยว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ชื่มชมความสวยงามของสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งก็มีมากมายหลายแบบให้เลือกเที่ยวกันได้ เช่น The Green Dragon Inn โรงเตี้ยม หรือฉากจากในหนังเรื่อง Hobbit ถ้ำหนอนเรืองแสง หรือเกาะน่าท่องเที่ยวมากมาย เหล่านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ที่นิวซีแลนด์ทั้งสิ้น เราจะมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กัน

ล่องเรือดูความสว่างจากธรรมชาติ หนอนเรืองแสงหลากสีที่ประเทศนิวซีแลนด์

                 หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำตลอดกาลอีกหนึ่งแห่งนั่นก็คือ Waitomo Glowworm Caves ชื่อไทยว่าถ้ำหนอนเรืองแสงนั่นเอง เป็นถ้ำที่มีประวัติมาอย่างยาวนานซึ่งมีความพิเศษอยู่ตรงที่จะมีหนอนที่สามารถเปล่งแสงออกมาได้อาศัยกันอยู่เป็นจำนวนมาก และด้วยแสงจากเหล่าหนอนเหล่านี้ ทำให้เกิดภาพที่สวยงามอย่างมาก ราวกับเห็นทะเลดาวที่มีสีสันสดใส เป็นเหมือนของขวัญที่ธรรมชาติสร้างขึ้น

โดยการเที่ยวที่ถ้ำหนอนเรืองแสงนั้น จะมีการอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ ของการค้นพบถ้ำ ลักษณะทางกายภาพของหนอน และประวัติความเป็นมาต่าง ๆ หลังจากนั้นก็จะพานักท่องเที่ยวลงเรือเพื่อไปดูหนอนเรืองแสงตัวเป็น ๆ นอกจากจะได้เห็นภาพสุดแสนพิเศษที่ประทับใจแล้ว ยังได้รับความรู้ต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงสามารถซื้อของฝากจากที่ถ้ำนำกลับไปฝากทุกคนได้อีกด้วย

ตามรอยหนังดังระดับโลก หมู่บ้าน Hobbit ที่แท้ทรู

                หลายคนที่เป็นแฟนคลับหนังชุด The Lord of The Ring คงไม่มีใครไม่รู้จักกับหนัง split of อย่าง Hobbit ซึ่งแน่นอนว่าสามารถทำรายได้ไปถล่มทลายและได้รับความนิยมไม่ต่างจากหนังต้นฉบับเลย แน่นอนว่าถ้ามีโอกาส ทุกคนคงอยากที่จะไปสัมผัสกับบรรยากาศสถานที่ต่าง ๆ ที่เราเห็นกันในหนัง เหมือนดั่งเช่นที่ Universal Studio ได้มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปดูเบื้องหลังการทำงานของหนังดังมากมายในค่ายในสถานที่จริง ๆ สำหรับใครที่ต้องการแบบนี้ สามารถมาได้ที่หมู่บ้าน Hobbit ที่เกาะเหนือ เมืองมาทามาท่า

สถานที่นี้คือสถานที่ใช้ถ่ายทำจริงของหนังเรื่อง Hobbit ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกันได้ โดยจะมีการจัดฉากและเซตทุกอย่างไว้ให้เหมือนกับในหนังทุกประการ ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้หลุดเข้าไปในโลกของหนังจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของประดับต่าง ๆ ตำแหน่งของบ้านเรือน ลักษณะตัวบ้าน หรือป้ายต่าง ๆ เรียกได้ว่าฟินแน่นอนสำหรับสาวกหนังเรื่อง Hobbit

นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ที่ชื่อว่า The Shires Rest Café ที่อยู่บริเวณทางเข้าของหมู่บ้าน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสบรรยากาศต่าง ๆ รวมไปถึงรับประทานอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ทางร้านได้เตรียมเอาไว้ ถือว่าคุ้มค่าไม่เสียเที่ยวแน่นอน

สิทธิพิเศษเหนือใครที่น้ำผุสูง 30 เมตรที่เมืองโรโตรัว

                ถ้าเป็นเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ นิวซีแลนด์ไม่แพ้ประเทศใด อีกหนึ่งปรากฎการณ์ธรรมชาตินั่นก็คือน้ำพุนั่นเอง เนื่องจากประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีภูเขาไฟ จึงทำให้เกิดบ่อน้ำพุร้อนนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่ามีมากมายหลายบ่อที่สามารถไปรับชมกันได้ แต่ที่เป็น Highlight ที่สุดก็คงหนีไม่พ้น บ่อน้ำพุร้อนหลากสี ที่ไม่สามารถหาดูที่ไหนได้ในโลกนี้แล้วนั่นก็คือ บ่อน้ำพุที่ ไวโอทาปุ เป็นบ่อน้ำพุที่มีสีสันสดใส ทั้งสีเขียว เหลือง ฟ้า น้ำเงิน

                สำหรับใครที่มีโอกาสหรือชื่นชอบที่จะเที่ยวต่างประเทศ นิวซีแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่พลาดไม่ได้ อีกมากมายหลากหลายสถานที่ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปเห็นด้วยตาตัวเอง รับรองได้เลยว่าทริปการไปนิวซีแลนด์นั้นจะติดตราตรึงใจท่านที่ได้ไปเที่ยวอย่างแน่นอน