มัณฑะเลย์ – พุกาม – ย่างกุ้ง ชมความงามแห่งศาสนสถานฉบับสายบุญ

นักเดินทางหลายต่อหลายคนคงมีโอกาสได้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย ทั้งภูเขา น้ำตก แม่น้ำ หรือทะเล ล้วนต่างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วันนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งอยากนำเสนอ เป็นสถานที่เปรียบได้ว่าเป็นทะเล แต่ไม่ใช่ทะเลธรรมดา แต่เป็นทะเลแห่งศรัทธาของผู้คนที่มีต่อพระพุทธศาสนา ศรัทธาที่มากมายถึงขนาดหากย้อนกลับไปสมัยที่รุ่งเรือง ทั่วทั้งเมืองมีเจดีย์ที่ได้รับการสร้างขึ้นกว่าหลายพันองค์ จึงเป็นที่มาแห่งฉายา ทะเลแห่งเจดีย์

มัณฑะเลย์ พุกาม เมืองแห่งทะเลเจดีย์

หากพูดถึงพุกามบางครั้งอาจจะยังนึกภาพกันไม่ออกนัก แต่หากพูดถึงภาพของบอลลูนหลากสีลอยอยู่บนท้องฟ้า เหนือภูเขาสูงและยอดเจดีย์นับสิบ นับร้อย น่าจะเป็นภาพที่หลายท่านจดจำได้ ภาพเจดีย์มากมายนั้นแสดงถึงความเจริญ ร่ำรวย และความศรัทธาของผู้คนที่นี่ที่มีต่อพระพุทธศาสนา โดยทันทีที่มาถึงสิ่งแรกที่สัมผัสได้เลยความเชื่อที่หนักแน่นของผู้คนที่นี่ เนื่องจากเป็นเมืองที่มากมายไปด้วยสถานที่ที่แสดงถึงความมั่นคงและศรัทธาในพระพุทธศาสนา เผยความศรัทธาที่มั่นคงผ่านการสร้างสถานที่ทางศาสนาที่สวยงาม ตราตรึงผู้คนทั้งโลกมาอย่างยาวนานรวมถึงปัจจุบันก็ยังมีผู้คนแห่แหนมายังเมืองแห่งนี้              

เมืองพุกาม เรียกอีกชื่อคือ เมืองเจดีย์สี่พันองค์ ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ วิธีการเดินทางท่องเที่ยวภายในพุกาม สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ สองแถว แท็กซี่ หรือที่แนะนำเลยคือรถม้าพาทัวร์ แต่อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ฝุ่นเท่าไหร่นัก เมื่อเลือกยานพาหนะได้เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือ ชมเมืองทั้งบนบกและลอยฟ้า ต้องบอกว่าหากอยากจะลอยล่องบนบอลลูนสวยงามต้องมาให้ถูกเดือนด้วย เพราะมีเฉพาะช่วงไฮซีซั่นหรือพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์เท่านั้น ที่จะมีโอกาสสัมผัสกับการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกบนบอลลูน นอกจากการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกบนบอลลูนแล้ว แลนมาร์คอื่นที่น่าสนใจคือ มัณฑะเลย์ ฮิลล์เป็นวัดบนภูเขา โดยเมื่อไปถึงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ ความงดงามภายในสถานที่แห่งนี้ การประดับตกตบแต่งที่ต่างออกไปจากบ้านเรา ถือเป็นเสน่ห์ที่ไม่ควรพลาด สถานที่ต่อมาหลังจากที่ชื่นชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว คือสะพานไม้อูเบ็ง ซึ่งเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก เรียกว่ายาวสุดตาเหมาะแก่การล่องเรือและเก็บภาพชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างมาก

เมืองย่างกุ้งอดีตเมืองหลวงของเมียนมาร์

จริง ๆ แล้วเพียงเมืองพุกามก็สามารถสร้างความประทับใจไม่น้อย แต่หากเป็นสายบุญสายทานแล้ว ถือว่าการเดินทางยังไม่จบ เพราะต้องไปไหว้พระสำคัญต่อที่เมืองย่างกุ้งก่อน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของย่างกุ้งที่ถ้าไม่มาถือว่ามาไม่ถึง คือพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ตั้งตระหง่านสว่างอยู่บนเนินเขา เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาร์ สีของเจดีย์เป็นสีทองอร่าม ซึ่งตรงกับความหมายของชื่อเจดีย์ โดยชเวหมายถึงทองนั่นเอง

สถานที่ต่อมาที่ไม่อยากให้พลาดนั่นคือ วัดชเวตอเมียต โดยเป็นวัดที่ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินย่างกุ้งเพียง 10 นาทีเท่านั้น ความสวยงามของวัดแห่งนี้คือ สีของเจดีย์ที่เป็นสีทองเจิดจ้าตัดสลับกับสีขาว โดยเป็นสถาปัตยกรรมพุกามแปดเหลี่ยม แถมบนสุดของยอดดูทองที่ทำมาจากทองคำแท้ ด้านในมีพระธาตุที่ผู้คนนิยมมากราบสักการะขอพร บางครั้งอาจจะมีคนหนาตาหน่อยแต่นั่นก็แสดงถึงความศรัทธาที่ผู้คนมีต่อศาสนา

หลังจากที่ได้ชื่นชมความงามของเจดีย์ สักการะพระธาตุแห่งเมียนมาร์และเยี่ยมชมวัฒนธรรมของผู้คนเมืองพุทธที่ต่างออกไป และบุญกุศลสิ่งจะได้กลับบ้านแล้ว สิ่งที่จะได้และคงอยู่เต็มหัวใจเลยก็คงจะหนีไม่พ้น ความทรงจำของผู้คน อาหารการกิน และศรัทธาในศาสนาที่หยั่งรากลึกจนยากจะสัมผัสได้จากที่ไหน

เก็บตะวัน ณ อินเล (Inle) พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตลูกทะเลชาวอินทา (Intha)

กว่า 1,000 กิโลเมตรโดยประมาณหากปักหมุดจากกรุงเทพมหานคร มุ่งสู่สถานที่แห่งหนึ่งอันแสนสงบ เดินทางหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองหลวงผ่านนกเหล็กจากประเทศไทยสู่เมืองอันสวยงามในประเทศเมียนมาร์ โดยจุดหมายปลายในครั้งนี้คือ ผืนน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงชันตระหง่าน ซับซ้อนและสวยงามในรัฐฉาน และสัมผัสกับความงามของสายน้ำกว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตา ที่มีชื่อว่า ทะเลสาบอินเล

เก็บตะวัน ณ อินเล

สายน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ยิ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกดินด้วยแล้ว ยิ่งเป็นช่วงที่เพิ่มความสวยให้กับทะเลสาบแห่งนี้ขึ้นมาอย่างมาก สีส้มคละสีทองสว่างของดวงอาทิตย์ที่ตัดกับสีครามของท้องฟ้ายามเย็น ที่ค่อย ๆ เคลื่อนจมลงสู่สีฟ้าครามของทะเลสาบ แถมยังรายล้อมด้วยยอดภูเขาสูงลิ่วที่ปกคลุมด้วยหมู่ต้นไม้สีเขียวขจี ภาพตรงหน้าที่งดงามขนาดนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนมากมาย ต่างหลงใหลและอยากจะมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง โดยช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินทางมาชมความงามของทะเลสาบอินเลแห่งนี้ คือ ช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่หากใครสะดวกมาฤดูอื่น ๆ ก็มาได้เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมาชมได้ตลอดทั้งปี โดยผู้ที่จะพาเยี่ยมชมไม่ใช่ใครที่ไหน แต่จะเป็นเจ้าบ้านผู้อาศัย ณ ผืนน้ำแห่งนี้มายาวนานกว่าร้อยปี ผู้ที่เรียกตัวเองว่าชาวอินทาที่มีความหมายว่า ลูกทะเล

สัมผัสวิถีชีวิตลูกทะเลชาวอินทา

กว่าร้อยปีที่ชาวอินทา อาศัยอยู่และพึ่งพาสายน้ำอินเลแห่งนี้ จนอาจเรียกได้ว่าทั้งพวกเขาและสายน้ำต่างหายใจไปพร้อม ๆ กัน นักท่องเที่ยวหลายคนมาที่นี่เพื่อชมความงามของทะเลสาบอินเล แต่ก็มีไม่น้อยที่มาเนื่องจากอยากสัมผัสวิถีชีวิตลูกทะเลที่ชื่ออินทา เนื่องจากการใช้ชีวิตเคียงคู่ไปกับสายน้ำที่ไม่มีคำว่าธรรมดาของชาวอินทาโด่งดังไปทั่วโลก เช่น ระหว่างที่เหมาเรือของชาวอินทา เพื่อชมความงามของทะเลสาบแห่งนี้ ชาวอินทาไม่ใช้ไม้พายในการพายเรือแต่พายโดยใช้ขาและเท้าของตัวเอง นอกจากขาและเท้าจะพายเรือได้แล้วยังใช้ในการบังคับทิศทางเรือได้ด้วย สร้างความประหลาดใจไม่น้อย หากมความงามของทะเลสาบจนอิ่มแล้ว เราสามารถบอกคนเรือเพื่อไปยังหมู่บ้านที่เปิดให้ชมการเรียนรู้วิธีการถักผ้า ทอผ้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของผู้คนที่นี่ และบ้านที่เราสามารถแวะเข้าไปชมได้นั้นก็เป็นบ้านจริง ๆ ของชาวบ้านใจดีที่ตั้งใจเปิดต้อนรับทุกคน

อีก 1 ภูมิปัญญาของชาวอินทาที่น่าทึ่งคือ การทำการเกษตรบนผืนน้ำ หรือลักษณะคือแปลงเกษตรที่ลอยอยู่บนน้ำ ภาพที่เห็นจะเป็นแปลงผักที่ลอยอยู่บนน้ำจริง ๆ โดยชาวบ้านจะใช้ไม้ไผ่ยึดไม่ให้ลอยไปไหนไกล พวกเขาเล่าว่าจะนำวัชพืชมาทำเป็นแพก่อน แล้วค่อยปลูกพืชผักสวนครัวต่าง ๆ และก็นำมาทำเป็นอาหารรวมถึงอาหารที่ทำให้เราทานด้วย ถือเป็นภูมิปัญญาที่เก่าแก่และสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงทุกวันนี้

ความเรียบง่ายของชาวอินคาและการปลอบโยนเราด้วยความเงียบสงบของสายน้ำ ถือเป็นการชาร์จพลังให้กับชีวิตไม่น้อย ทำให้ความเหนื่อยล้าจากการทำงานในเมืองใหญ่ที่มากไปด้วยผู้คน ถูกขจัดโดยสิ้น การเอาเท้าจุ่มน้ำเย็น ๆ นั่งมองผู้คนยืนพายเรือเพื่อสอดส่องแปลงผักลอยน้ำของตนน่าจะให้ให้ใครหลาย ๆ คนแอบมีรอยยิ้มและพลังในการกลับไปใช้ชีวิตอีกครั้งอย่างแน่นอน

เที่ยวพม่า เยี่ยมบ้านใกล้เรือนเคียงเรียนรู้วัฒนธรรมรับกระแส AEC

พม่า หรือที่คุณควรเรียกอย่างเป็นทางการว่าเมียนมาร์เป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่มีประวัติศาสตร์อันใกล้ชิดมาอย่างยาวนานกับประเทศไทย ยิ่งตอนนี้กระแส AEC หรือ Asean Economics Community ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างเมียนมาร์เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกับความสวยงามกันมากขึ้น

ทริปหน้าในเมียนมาร์ไปไหนดี

                วัดเมียนมาร์สวยศักดิ์สิทธิ์ เมียนมาร์มีวัดดังจำนวนมากซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง และเป็นเหมือนซิกเนเจอร์ว่ามาเมียนมาร์ต้องได้ไปไหว้พระ ตัวอย่างเช่น “มหาเจดีย์ชเวดากอง” มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาร์สวยงามด้วยสีทองระยับจับตา รวมกับความเชื่อที่ว่าได้บรรจุพระเกศ 8 เส้นของพระพุทธเจ้าเอาไว้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์มาก ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง และ “พระธาตุอินทร์แขวน” ที่มีความสวยงามแปลกตาจากการที่มีพระบรมธาตุสร้างอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่สีทองอร่ามซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าพระอินทร์เป็นผู้นำพระธาตุมาแขวนไว้ พระธาตุตั้งอยู่ที่ยอดเขาพวงลวงเมืองไจ้ก์โถ่ รัฐมอญ

                ทะเลสาบเมียนมาร์เปี่ยมเสน่ห์ “ทะเลสาบอินเล” รัฐฉาน เรียกได้ว่าเสน่ห์ดึงดูดของที่นี่นอกจากความสวยงามของท้องทะเลสาบให้เราได้กินลมชมวิวแล้ว ก็คือชนเผ่าท้องถิ่นอย่าง ชาวอินทา ซึ่งมีอาชีพหลักด้านการเกษตรและประมง ที่มีวิธีการหาปลา การพายเรือด้วยเท้า ที่ชาวประมงที่อื่นต้องยกนิ้วให้ในวิธีการพิเศษนี้เลย

                ทะเลเมียนมาร์สวยสะกดใจ ด้วยหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส หรือเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้ทะเลเมียนมาร์มีเสน่ห์ไม่แพ้ทะเลไทยเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่เชื่อต้องลองแวะมาพิสูจน์ความงามของทะเลเมียนมาร์สักครั้ง ตัวอย่างทะเลเมียนมาร์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ หาดงาปาลี เมืองตั่งตแว รัฐยะไข่ คนรักทะเลสวย หาดทรายขาว ชาวบ้านน่ารัก ไม่ควรพลาด และเกาะหัวใจมรกต (เกาะคอคส์คอมบ์) โดดเด่นด้วยธรรมชาติใต้น้ำทั้งปลาและปะการังนานาชนิด ห่างจาก จ. ระนองประมาณ 80 กม. โดยความพิเศษคือไม่มีชายหาดแต่คุณสามารถว่ายน้ำลอดช่องปากทางเข้าเกาะไปได้ และหากมองจากมุมสูงคุณจะพบว่าช่องกลางเกาะแห่งนี้รูปร่างคล้ายกับหัวใจ

เวียงวังงามตา เมียนมาร์เคยรุ่งเรืองด้วยการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทำให้มีพระราชวังที่สวยงามจับตาจับใจหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น พระราชวังบุเรงนอง (พระราชวังกัมโพชธานี) เมืองหงสาวดี เป็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่ที่ถูกเผาจนเหลือแต่ซากหลังพระเจ้าบุเรงนองสวรรคต จากกบฏยะไข่ ซึ่งภายหลังได้มีการสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมาตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่เรืองรองที่มีมาแต่อดีต และพระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังไม้สักทั้งหลังอันสวยงามแห่งสุดท้ายก่อนถูกอังกฤษเข้ายึดครอง เคยได้ชื่อว่าเป็นพระราชวังที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่ถูกเผาจากระเบิดฝ่ายสัมพันธมิตรกองทัพอังกฤษ ภายหลังได้มีการสร้างพระราชวังจำลองขึ้นตามรูปแบบพระราชวังเดิมแม้ศิลปะอาจจะไม่ทัดเทียมของเดิมแต่ก็จัดว่ายังงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีสะพานอูเบ็งสะพานไม้สักที่เหลือจากการรื้อพระราชวังเก่าที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกอายุกว่า 200 ปี ยาวกว่า 1.2 กม. ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ ไม่ไกลจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ เป็นสะพานที่ใช้ข้ามทะเลสาบตองตะมาน ไปยังเจดีย์เจ๊าตอว์กยี ยิ่งใหญ่ควรค่าต่อการไปเยือน

ทะเลเจดีย์และสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลกทีเด็ดที่ไม่ควรพลาด ด้วยเจดีย์จำนวนมากกว่า 4,000 องค์ทำให้ทะเลเจดีย์ เมืองพุกามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และยิ่งใหญ่มาก ทั้งยังมีไฮไลท์เป็นการลอยบอลลูนขึ้นฟ้าเหนือเจดีย์ ทำให้มีภาพสุดคลาสสิคน่าประทับใจ

แดนพุทธศาสนาล้ำค่าทางวัฒนธรรมอุดมด้วยธรรมชาติ

หากคุณมีเวลาไม่มากและไม่อยากเดินทางไปไหนไกล ๆ แต่ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเปิดหูเปิดตาดูสิ่งน่าสนใจใหม่ ๆ คุณไม่ควรมองข้ามประเทศใกล้ ๆ ลองแวะไปท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านที่มีทีเด็ดมากมายอย่างเมียนมาร์กันแล้วคุณอาจจะติดใจจนอยากหยุดเที่ยวต่อเลยทีเดียว