เมืองระนอง เกาะพยามและชุมชนมอแกนที่แสนสงบ

หากใครก็ตามที่หลงรักความเงียบสงบ อยากจะไปหายใจรับออกซิเจนเน้น ๆ ให้เต็มปอด ฟังเสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง เคล้าเสียงนกน้อยประสานเสียงขับขาน อยู่เมืองไทยแต่เหมือนไปเมืองนอก ไม่ใช่เพราะอากาศที่เย็นเหมือนเมืองนอก แต่เพราะสถานที่แห่งนี้แทบหานักท่องเที่ยวชาวไทยไม่เจอ โดยมักจะเจอแต่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวยุโรปที่ไล่ล่าหาความสงบ ซึ่งเป็นการการันตีได้ว่าที่แห่งนี้เงียบสงบขนาดไหน

ระนอง แม้เป็นเมืองรองแต่อยากให้ลองมา

หลายคนพอนึกถึงจังหวัดระนอง อาจจะมองไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน แต่ในความจริง ในความเรียบง่ายของจังหวัดนี้เองที่สามารถสร้างความรู้สึกพิเศษอย่างไม่น่าเชื่อ โดยระนองเป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่อันดามัน มีทั้งขนส่งทางบกและสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สำหรับการเดินทางภายในจังหวัด สามารถเช่ารถหรือที่พลาดไม่ได้เลย คือ การนั่งรถสองแถวไม้สีสดใส ซึ่งได้รับการอนุรักษ์เอาไว้จนเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดไปโดยปริยาย

สัญลักษณ์ต่อมาที่นักท่องเที่ยวนิยมไปสัมผัส คือ บ่อน้ำร้อน ทั้งบ่อน้ำร้อนพรรั้ง บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ซึ่งเป็นบ่อน้ำแร่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยแร่ระนองนี้เป็นแร่คุณภาพดี ไร้กลิ่นกำมะถัน เรียกได้ว่าการมาแช่น้ำร้อนที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ทั้งความผ่อนคลายและดีต่อสุขภาพ

สถานที่ต่อมา คือ น้ำตกหงาวเป็นน้ำตกที่ตั้งเด่นหรา ท้าทายสายตานักท่องเที่ยวที่สัญจรไปมา สายของน้ำตกลงมาจากยอดเขาสูง ในช่วงน้ำมาก ใครผ่านไปมาแถวนี้จะได้ยินเสียงของน้ำตกหงาวตกกระทบเบื้องล่างเหมือนเป็นพนักงานคอยทำหน้าที่ต้อนรับผู้คนก็ว่าได้ อีกหนึ่งแลนด์มาก คือ ภูเขาหญ้า เขาหัวโล้น ที่จะมีสีเขียวยามหน้าฝน สีเหลืองเมื่อเข้าหน้าแล้ง แต่ไม่ว่าหน้าไหนก็สามารถเดินขึ้นไปชมวิวทิศทัศน์ของเมืองโดยรอบได้ หากเช่ารถสองแถวไม้มาถ่ายรูปคู่ภูเขาหญ้าจะได้ภาพที่สวยมาก

เกาะพยาม นกเงือกและตะวันตกดิน ณ หมู่บ้านมอแกน

จากระนองสู่เกาะพยาม สามารถเดินทางโดยการนั่งรถสองแถวเข้าไปยังท่าเรือเกาะพยาม ตำบลปากน้ำ โดยมีเรือ 2 แบบให้เลือก คือ สปีดโบ๊ทและเรือใหญ่ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะได้เห็นภาพแรก ภาพของผืนทะเลสีเขียมอมฟ้าและชายหาดสีขาวอมส้ม ต้นมะพร้าวเรียงราย หลังจากก้าวเท้าขึ้นมาบนเกาะสิ่งแรกที่สัมผัสได้ คือ ความเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงคลื่นซัดชัดเจน การเดินทางบนเกาะนิยมเช่ารถมอเตอร์ไซค์เนื่องจากถนนค่อนข้างเล็กและเป็นทางคดเคี้ยว สองข้างถนนจะเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่สีเขียว ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมหลายคนตั้งใจมาที่นี่เพื่อหวังชมนก โดยนกที่เป็นตัวแทนของความสงบและอุดมสมบูรณ์คงหนีไม่พ้น นกเงือก ที่นี่จะเป็นนกเงือกขนาดเล็ก เรียกว่านกแก๊ก เจ้านกชนิดนี้ชอบบินมาเกาะตรงต้นไม้แล้วหยุดเหมือนจ้องมองนักท่องเที่ยว ยิ่งตอนเช้าจะพบบ่อยบริเวณอ่าวเขาควาย ซึ่งอ่าวที่ว่านี้ เป็นอ่าวที่มีหาดทรายสีขาวนวลละเอียดโค้งตีวงกว้างสุดลูกหูลูกตายาวถึง 2 กิโลเมตร รอบด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใส ไม่ค่อยมีร้านอาหาร หรือผู้คนเท่าใดนัก หากมาจังหวะดีก็มีโอกาสได้ครองหาดแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว

นอกจากอ่าวเขาควาย ก็มีหาดสวย ๆ อีกมาก เช่น อ่าวกวางปีบ อ่าวไม้ไผ่ อ่าวหินขาวอ่าวมุก เป็นต้น นอกจากชายหาดแล้วบนเกาะยังมีทั้งป่าไม้ทั้งป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ อีกหนึ่งสถานที่ต้องมาให้ได้ คือ หมู่บ้านของชาวทะเลแท้ ที่ยังรักษาวิถีของตนอย่างสมบูรณ์ การเดินทางมาที่นี่ต้องขี่รถลัดเลาะผืนป่าชายเลนออกมาไกลพอสมควร ก่อนจะมาเจอกับหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ลำพัง ผู้คนยังคงรักษาภาษาและวิถีความเป็นมอแกนดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี ก่อนกลับอยากให้แวะเก็บภาพบ้านไม้หลังเล็กที่ยกตัวสูงจากผืนทรายของชาวมอแกนที่ริมชายหาด ณ ช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนลับขอบฟ้า

แม้การเดินทางมายังเกาะพยายามจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ระหว่างเส้นทางเหล่านั้น ก็มากมายไปด้วยมิตรภาพและความทรงจำไม่น้อย ที่สำคัญความเงียบสงบและไร้การปรุงแต่งนี้เองคือเสน่ห์มหาศาลที่เราจะได้รับจากทั้งเมืองระนองและเกาะพยาม

ทะเลแหวก ปรากฎการณ์สุดแปลกที่ไม่ควรพลาด

                ทะเลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้คนมากมาย เพราะทะเลเป็นเหมือนสถานที่ไว้ใช้ผ่อนคลายและทำให้สดชื่น ซึ่งแน่นอนว่าการเที่ยวทะเลนั้นก็ต้องนึกถึงหาดทรายสีขาว ๆ ที่ฝั่ง และเมื่อเดินลงไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมีน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวที่ซัดเข้าหาด ยิ่งเดินลงไป ระดับน้ำทะเลก็จะยิ่งสูงขึ้น เป็นเรื่องที่เราสามารถสัมผัสได้กับทะเลทั่ว ๆ ไป แต่มีปรากฎการณ์หนึ่งที่จะมีหาดทรายขาวโผล่ขึ้นมาระหว่างทะเล เรียกกันว่าทะเลแหวก

ปรากฎการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นในวันก่อนหรือหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ประมาณ 5 วัน เกิดจากผลของน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้สันทรายของหมู่เกาะนั้นโผล่ขึ้นมาเป็นแนวหาดทราย แน่นอนว่าพิเศษและสวยกว่าทะเลปกติที่เราเที่ยวกันอย่างแน่นอน ซึ่งทะเลแหวกนั้นจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปี และจะเกิดขึ้นระหว่างเกาะสามเกาะในประเทศไทยนั่นก็คือ เกาะไก่ เกาะทับ และเกาะปอดะ

สามเกาะทะเลแหวก เปิดโลกของทะเลแบบใหม่ที่น่าจดจำ 

                ทั้งสามเกาะนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดกระบี่ มีระยะทางห่างกันไม่มาก สามารถเที่ยวทั้งสามเกาะได้ภายในวันเดียว แน่นอนว่านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสหาดทรายขาวที่โผล่ขึ้นมาเหมือนเป็นเส้นแบ่งของทะเล สามารถเดินเล่นได้ และชมภาพวิวทะเลแหวกที่หาดูได้ยาก หลังจากนั้นก็จะมีกิจกรรมมากมายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวทั้งสามเกาะนี้ อย่างที่ทราบกันว่ากระบี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ทะเลสวยและสะอาดมาก การท่องเที่ยวทั้งสามเกาะนี้ก็จะเป็นในลักษณะของการนั่งเรือสำเภาชมเกาะทั้งสามเกาะ และมีการหยุดแวะให้ได้ลงไปทำกิจกรรมกันได้แต่ในแต่ละเกาะ เช่นการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นสีสันสดใสและปลาหายากพันธุ์ต่าง ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ง่าย เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าทะเลกระบี่เป็นทะเลที่มีทั้งความสวยงามและความสะอาดของสภาพแวดล้อม ทำให้เหมาะอย่างมากกับการส่องดูชีวิตใต้ทะเลได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องดำน้ำลงไปลึก ๆ

นอกจากจะเช่าเรือสำเภาไปล่องดูทะเลแล้ว นักท่องเที่ยวคนไหนที่ทุนหนาหน่อย และอยากเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวก็สามารถที่จะเช่าเรือเป็นเรือ speed boat ได้ ราคาก็จะแพงขึ้นหน่อย ส่วนที่เกาะนั้นก็มีบริการขายอาหารและเครื่องดื่มให้นักท่องเที่ยว หรือจะนำมาทานเองกันก็ได้ หลายคนอาจจะคิดว่าราคาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ต้องสูงแน่ ๆ เพราะนี่เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดแค่ไม่ครั้งต่อปีเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย แค่ใช้จ่ายในการเที่ยวทะเลแหวกนี้ ไม่แตกต่างกับการเที่ยวที่สถานที่อื่น ๆ เลย เผลอ ๆ อาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ เช่น อัตราการบริการเช่าเรือธรรมดาอยู่ที่ 2,200 บาทต่อลำ จุคนได้ถึงหกคน ซึ่งตกแล้วคนละไม่เกิน 370 บาท แลกกับวิวทะเลแหวกแล้ว ถือว่าถูกและคุ้มมาก ๆ

สำหรับใครที่สนใจอยากจะเที่ยวทะเลแหวก ลองสอบถามราคาและดูวันเวลาให้เรียบร้อย เพื่อจะได้เห็นปรากฏการณ์นี้อย่างสมบูรณ์ พาครอบครัว แฟน หรือเพื่อน ๆ พร้อมเตรียมกล้องไปถ่ายรูปเก็บความทรงจำสุดพิเศษกันได้ทะเลแหวกจังหวัดกระบี่