เที่ยวมาเลเซียเมืองแห่งความหลายหลาย ไม่ว่าคุณชอบเที่ยวแนวไหนมาเลเซียมีคำตอบ

เพื่อนบ้านทางฝั่งตอนใต้ของไทยสมาชิกร่วม AEC ที่คุณอาจไม่เคยสนใจอย่างมาเลเซีย คือหนึ่งในประเทศที่น่าสนใจและรวมความหลากหลายไว้อย่างที่คุณคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ธรรมชาติ หรือความทันสมัย ถูกหลอมรวมกันไว้ในมาเลเซีย รอเพียงให้คุณเปิดใจมาสัมผัสกับความมีเสน่ห์นี้

เที่ยวสุดฟินอินทุกโหมดได้ในมาเลเซีย

                สายรักธรรมชาติ  ไม่ว่าจะทะเลหาดทรายสวย ๆ ภูเขาสูงท้าทายความแข็งแกร่ง ถ้ำสุดลึกลับ หรือป่าใหญ่ แวะมาที่มาเลเซียมีหมดตัวอย่างเช่น “สะพานลังกาวีสกาย (Langkawi Sky Bridge)”ตั้งอยู่บนเกาะลังกาวีดินแดนแห่งตำนานพระนางมัสสุหรี ห่างจากเกาะตะรุเตา จ.สตูล เพียง 4 กม. ความพิเศษของสะพานแขวนนี้คือคุณสามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันได้แบบพาราโนมา โดยมีด้านล่างเป็นผืนป่าใหญ่ และด้วยความสูงกว่า 2,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ท้าทายความกล้าของผู้ที่ต้องการท้าทายความสูง และ “เกาะสิปาดัน (Sipadan Island) เป็นเกาะเล็ก ๆ ขึ้นชื่อว่ามีจุดดำน้ำที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ที่ตั้งอยู่ใจกลางทะเลเซเลเบส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐซาบาห์ มีความสวยงาม และความสมบูรณ์ของท้องทะเลอย่างมาก เนื่องจากไม่มีโรงแรมและจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวทำให้บรรยากาศบนเกาะก็เงียบสงบ มีหาดทรายขาวสะอาดทอดยาวล้อมรอบทั้งเกาะ ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม

                สายรักวัฒนธรรม  ด้วยการผสมผสานของวัฒนธรรมและธรรมชาติ ทำให้มาเลเซียมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาที่ตั้งอยู่ในธรรมชาติอันสวยงามจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น “ถ้ำบาตู (Batu Caves)” ถ้ำแห่งนี้ถือเป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือศาสนาฮินดู เป็นถ้ำหินปูนที่เก่าแก่ มียาวถึง 400 เมตรและสูง 100 เมตร ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ จุดเด่นของถ้ำบาตู คือ รูปปั้นพระขันธกุมารสีทองงามระยับด้านหน้าบันไดทางขึ้น ซึ่งมีความสูง 42.7 เมตร และวัด ชิน สวี (Chin Swee Caves Temple) วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปแกะสลักจากหินขนาดใหญ่ สร้างตามลักษณะของวัดและเจดีย์จีนตั้งอยู่ที่ความสูง 4,600 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้มีความเงียบสงบและเย็นสบาย ตั้งอยู่ในเก็นติ้ง ไฮแลนด์ (Genting Highlands) ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ 1 ชม.

                สายรักความทันสมัย เมืองใหญ่ของมาเลเซียคือศูนย์รวมความทันสมัย โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกัวลาลัมเปอร์  ตัวอย่างเช่น “ตึกแฝดเปโตรนาส” ตึกแฝดที่สูงที่สุดในมาเลเซียสูง 452 เมตร 88 ชั้น เป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ถูกออกแบบมาให้มีการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและวัฒนธรรมคล้ายสถาปัตยกรรมอิสลาม อีกทั้งมีการใช้พื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ศูนย์ประชุม แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ และศูนย์วิทยาศาสตร์สุดทันสมัย ทำให้ตอบโจทย์กับคนยุคใหม่หัวใจไฮเทค

เที่ยวมาเลเซียสุดคุ้มทริปเดียวไม่เคยพอ

                ด้วยความหลากหลายของมาเลเซียทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินและใช้เวลาในช่วงวันหยุดของคุณได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าคุณชื่นชอบการท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมแบบไหน มาเลเซียมีคำตอบให้คุณเสมอ นอกจากน่าเที่ยวแล้วยังไม่ไกล เดินทางสะดวก และไม่แพงมาก ถ้าคุณได้ลองมาเที่ยวแล้วคุณอาจจะติดใจจนอยากตีตั๋วครั้งถัดไปกลับมาเที่ยวมาเลเซียอีก

เที่ยวพม่า เยี่ยมบ้านใกล้เรือนเคียงเรียนรู้วัฒนธรรมรับกระแส AEC

พม่า หรือที่คุณควรเรียกอย่างเป็นทางการว่าเมียนมาร์เป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่มีประวัติศาสตร์อันใกล้ชิดมาอย่างยาวนานกับประเทศไทย ยิ่งตอนนี้กระแส AEC หรือ Asean Economics Community ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างเมียนมาร์เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกับความสวยงามกันมากขึ้น

ทริปหน้าในเมียนมาร์ไปไหนดี

                วัดเมียนมาร์สวยศักดิ์สิทธิ์ เมียนมาร์มีวัดดังจำนวนมากซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง และเป็นเหมือนซิกเนเจอร์ว่ามาเมียนมาร์ต้องได้ไปไหว้พระ ตัวอย่างเช่น “มหาเจดีย์ชเวดากอง” มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาร์สวยงามด้วยสีทองระยับจับตา รวมกับความเชื่อที่ว่าได้บรรจุพระเกศ 8 เส้นของพระพุทธเจ้าเอาไว้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์มาก ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง และ “พระธาตุอินทร์แขวน” ที่มีความสวยงามแปลกตาจากการที่มีพระบรมธาตุสร้างอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่สีทองอร่ามซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าพระอินทร์เป็นผู้นำพระธาตุมาแขวนไว้ พระธาตุตั้งอยู่ที่ยอดเขาพวงลวงเมืองไจ้ก์โถ่ รัฐมอญ

                ทะเลสาบเมียนมาร์เปี่ยมเสน่ห์ “ทะเลสาบอินเล” รัฐฉาน เรียกได้ว่าเสน่ห์ดึงดูดของที่นี่นอกจากความสวยงามของท้องทะเลสาบให้เราได้กินลมชมวิวแล้ว ก็คือชนเผ่าท้องถิ่นอย่าง ชาวอินทา ซึ่งมีอาชีพหลักด้านการเกษตรและประมง ที่มีวิธีการหาปลา การพายเรือด้วยเท้า ที่ชาวประมงที่อื่นต้องยกนิ้วให้ในวิธีการพิเศษนี้เลย

                ทะเลเมียนมาร์สวยสะกดใจ ด้วยหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส หรือเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้ทะเลเมียนมาร์มีเสน่ห์ไม่แพ้ทะเลไทยเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่เชื่อต้องลองแวะมาพิสูจน์ความงามของทะเลเมียนมาร์สักครั้ง ตัวอย่างทะเลเมียนมาร์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ หาดงาปาลี เมืองตั่งตแว รัฐยะไข่ คนรักทะเลสวย หาดทรายขาว ชาวบ้านน่ารัก ไม่ควรพลาด และเกาะหัวใจมรกต (เกาะคอคส์คอมบ์) โดดเด่นด้วยธรรมชาติใต้น้ำทั้งปลาและปะการังนานาชนิด ห่างจาก จ. ระนองประมาณ 80 กม. โดยความพิเศษคือไม่มีชายหาดแต่คุณสามารถว่ายน้ำลอดช่องปากทางเข้าเกาะไปได้ และหากมองจากมุมสูงคุณจะพบว่าช่องกลางเกาะแห่งนี้รูปร่างคล้ายกับหัวใจ

เวียงวังงามตา เมียนมาร์เคยรุ่งเรืองด้วยการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทำให้มีพระราชวังที่สวยงามจับตาจับใจหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น พระราชวังบุเรงนอง (พระราชวังกัมโพชธานี) เมืองหงสาวดี เป็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่ที่ถูกเผาจนเหลือแต่ซากหลังพระเจ้าบุเรงนองสวรรคต จากกบฏยะไข่ ซึ่งภายหลังได้มีการสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมาตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่เรืองรองที่มีมาแต่อดีต และพระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังไม้สักทั้งหลังอันสวยงามแห่งสุดท้ายก่อนถูกอังกฤษเข้ายึดครอง เคยได้ชื่อว่าเป็นพระราชวังที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่ถูกเผาจากระเบิดฝ่ายสัมพันธมิตรกองทัพอังกฤษ ภายหลังได้มีการสร้างพระราชวังจำลองขึ้นตามรูปแบบพระราชวังเดิมแม้ศิลปะอาจจะไม่ทัดเทียมของเดิมแต่ก็จัดว่ายังงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีสะพานอูเบ็งสะพานไม้สักที่เหลือจากการรื้อพระราชวังเก่าที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกอายุกว่า 200 ปี ยาวกว่า 1.2 กม. ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ ไม่ไกลจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ เป็นสะพานที่ใช้ข้ามทะเลสาบตองตะมาน ไปยังเจดีย์เจ๊าตอว์กยี ยิ่งใหญ่ควรค่าต่อการไปเยือน

ทะเลเจดีย์และสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลกทีเด็ดที่ไม่ควรพลาด ด้วยเจดีย์จำนวนมากกว่า 4,000 องค์ทำให้ทะเลเจดีย์ เมืองพุกามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และยิ่งใหญ่มาก ทั้งยังมีไฮไลท์เป็นการลอยบอลลูนขึ้นฟ้าเหนือเจดีย์ ทำให้มีภาพสุดคลาสสิคน่าประทับใจ

แดนพุทธศาสนาล้ำค่าทางวัฒนธรรมอุดมด้วยธรรมชาติ

หากคุณมีเวลาไม่มากและไม่อยากเดินทางไปไหนไกล ๆ แต่ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเปิดหูเปิดตาดูสิ่งน่าสนใจใหม่ ๆ คุณไม่ควรมองข้ามประเทศใกล้ ๆ ลองแวะไปท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านที่มีทีเด็ดมากมายอย่างเมียนมาร์กันแล้วคุณอาจจะติดใจจนอยากหยุดเที่ยวต่อเลยทีเดียว

เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ สวรรค์บนโลกมนุษย์ที่คุณควรเยือนครั้งหนึ่งในชีวิต

ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอย่างที่สุดดั่งสวรรค์บนโลกมนุษย์อย่าง สวิสเซอร์แลนด์ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่คุณควรเก็บไว้ในใจและหาโอกาสไปเที่ยวเยี่ยมเยียนสักครั้งหนึ่งในชีวิตให้ได้ เพราะมนต์เสน่ห์ของประเทศอาจจะทำให้คุณหลงรักจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ที่นี่เลยทีเดียว

สวิสเซอร์แลนด์มีอะไรดีที่คุณไม่ควรพลาด

                เที่ยวภูเขาเทือกเขา เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของการมาเที่ยวยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เนื่องด้วยความที่เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่บนที่สูงและไม่มีชายฝั่งติดทะเล ทำให้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาและเทือกเขาที่มีชื่อเสียงและสวยงามจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น “Jungfrau ยอดเขายุงเฟรา” ยอดเขาที่หลายคนบอกว่า ถ้าไม่ได้ไปที่นี่เหมือนมาไม่ถึงสวิสเซอร์แลนด์ เพราะเป็นจุด Top of Europe นอกจากความสวยงามของวิวทิวทัศน์และความเป็นสถานที่ยอดนิยมในการเล่นสกีแล้ว ยังมีถ้ำน้ำแข็งแกะสลักสุดงดงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็งที่ไม่เคยละลายที่คุณไม่ควรพลาด, “Matterhorn mountain (แมทเธอฮอร์น)” ภูเขารูปทรงปิรามิดตั้งระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี เป็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี และ “Rigi (ริกิ)” ยอดเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งเทือกเขา Schwyz Alps ด้วยวิวที่สวยงามโดยรอบแบบ 360 องศา ทำให้คุณต้องตะลึงในความสวยงามของภูเขาแห่งนี้

                เที่ยวไปกับสายน้ำ ชาวสวิตเซอร์แลนด์มักมีคำพูดติดปากที่ว่า เราไม่มีทะเลแต่เรามีทะเลสาบ น้ำตก และธารน้ำแข็ง ด้วยความที่สวิสเซอร์แลนด์มีทั้งน้ำตกขนาดใหญ่อย่างน้ำตกไรน์ ธารน้ำแข็งอเล็ท์ชกลาเซียร์ และทะเลสาบหลายแห่งซึ่งล้วนแต่สวยงามสะอาดตาทั้งสิ้น ทำให้สายน้ำเป็นจุดเด่นซึ่งคุณควรเลือกแวะไปพักผ่อนกายใจในทริป ตัวอย่างเช่น “Lake Geneva (ทะเลสาบเจนีวา)” ไข่มุกของริเวียร่าแห่งสวิส เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปยุโรปกลาง ตั้งอยู่ในเมือง Geneva และมีบางส่วนติดกับฝรั่งเศส อีกทั้งมีน้ำพุ Jet d’Eau ซึ่งเป็นน้ำพุขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงเนื่องจากคุณสามารถมองเห็นเปลวน้ำจากทางอากาศและในตัวเมืองได้ และ “Thunersee (ทะเลสาบทูน)” ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของ Bernese Oberland เชิงเขาของเทือกเขา Alps ทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยตระการตามากจากการที่ทะเลสาบถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา

                เที่ยวเมืองยุโรปเปี่ยมเสน่ห์ ด้วยความที่ชาวสวิสเซอร์แลนด์ค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม ศิลปะ และวัฒนธรรม ทำให้เมืองต่าง ๆ ค่อนข้างสวยงามและมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะเลือกพักเมืองไหนก็สวยงามน่าค้นหาไม่แพ้กัน ตัวอย่างเช่น “Interlaken(อินเทอร์ลาเก้น)” เป็นเมืองทางผ่านที่จะขึ้นไปยังยอดเขายุงเฟรา มีภูมิทัศน์สุดตระการตาจากการที่เป็นเมืองกึ่งกลางระหว่างทะเลสาบทูนและทะเลสาบบรีนซ์ มีแม่น้ำอาเรเชื่อมทะเลสาบตัดผ่านกลางเมือง และ “Zurich(ซูริค)” เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เป็นทั้งศูนย์กลางคมนาคม แหล่งรวมสถาบันการเงิน โดดเด่นเรื่องพิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรม และย่านเมืองเก่า

เที่ยวชมทัศนียภาพด้วยรถไฟ เป็นกิจกรรมหลักที่คุณไม่ควรพลาดเพราะการได้นั่งรถไปในสวิตเซอร์แลนด์จะทำให้คุณอยากถึงปลายทางแบบช้าที่สุดเพราะวิวที่สามารถมองผ่านจากรถไฟจะทำให้คุณทึ่งในความสวยทุกอณูของประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ ตัวอย่างรถไฟสายดังได้แก่ รถไฟสาย “ Bernina Express & Glacier Express (เบอนีน่าเอ๊กเพรสและกลาเซียเอ๊กเพรส)” สุดโรแมนติกที่จะวิ่งผ่านเทือกเขา Alps ผ่านหุบเหวลึก สายน้ำใส สะพานสวย ปราสาทเก่า และเมืองสุดคลาสสิค

เที่ยวบ้านเขาแล้วอย่าลืมเรียนรู้มาใช้กับบ้านเรา

                หากเทียบความโชคดีที่คนสวิตเซอร์แลนด์มีธรรมชาติที่สวยงามแล้วละก็คนไทยเราก็โชคดีไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ดูแลรักษาความงามของธรรมชาติไว้ได้อย่างน่าชื่นชมก็คือการมีจิตสำนึกรับผิดชอบและการมีระเบียบวินัยของผู้คน เราควรเรียนรู้สิ่งเหล่านี้และนำมาปรับใช้เพื่อให้ความงามของธรรมชาติในไทยสวยงามยั่งยืนได้ไม่แพ้กัน

เที่ยวแบบคนรักธรรมชาติสายหวาน ตามรอยดอกไม้ที่ผลิบานจากนวนิยายและวรรณคดี

ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงรักการอ่านแล้วล่ะก็การได้ท่องเที่ยวตามนวนิยายที่ชอบหรือวรรณคดีเรื่องดังโดยเฉพาะการที่รอบตัวถูกรายล้อมไปด้วยดอกไม้แสนสวย อาจทำให้คุณดั่งตกอยู่ในห้วงแห่งฝันและดั่งได้เข้าไปสัมผัสฉากสำคัญต่าง ๆ ในเรื่องราวที่คุณได้อ่านมา

สถานที่รวมดอกไม้จากนวนิยายและวรรณคดีน่าประทับใจ

ดอกพญาเสือโคร่ง (ซากุระเมืองไทย) ดอกไม้สีชมพูกลีบบางที่จะเบ่งบานในช่วงเดือนมกราคม- กุมภาพันธ์ ดอกไม้ต้นแบบของดงชมพูป่าพยานรักของเจ้าน้อยและแม้นเมืองจาก นวนิยายอมตะอย่างรากนครา ซึ่งคุณสามารถไปเที่ยวชมดอกพญาเสือโคร่งแสนอ่อนหวานนี้ได้จากสถานที่หลายแห่ง ได้แก่ ขุนช่างเคี่ยน จ.เชียงใหม่, ดอยแม่ตะมาน หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน จ.เชียงใหม่, ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง ) จ.เชียงใหม่, สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน จ.น่าน และภูลมโล จ.เลย

ดอกสุพรรณิการ์ (ดอกฝ้ายคำ) ดอกไม้สีเหลืองสดกลีบดอกงุ้มเข้าหากันรวมตัวเป็นพุ่มสีเหลืองสดใสเต็มต้น ดอกไม้แสนสวยในนิราศธารทองแดง ในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ (เจ้าฟ้ากุ้ง) โดยดอกสุพรรณิการ์จะเบ่งบานหลังจากต้นไม้ผลัดใบร่วงจนหมดในราวเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ซึ่งคุณสามารถชมความสวยงามของพุ่มดอกสุพรรณิการ์ง่าย ๆ ได้จากถนนดอกสุพรรณิการ์ จ.นครนายก

ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูณ) ดอกไม้สีเหลืองอ่อนไปจนเหลืองสดทิ้งตัวบานระย้าสวยงามชื่นตาจากนิราศธารทองแดง ในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ (เจ้าฟ้ากุ้ง) โดยดอกราชพฤกษ์จะเบ่งบานในหน้าร้อนช่วงเดือนเมษายน ซึ่งคุณสามารถไปชมความงามได้ที่ถนนสายดอกคูณ จ.ขอนแก่น ซึ่งจะมีดอกราชพฤกษ์เรียงรายริมถนนหลายสายในจังหวัดขอนแก่น เช่น บริเวณมหาวิทยาลัยขอนแก่น หน้าศูนย์ราชการจังหวัด ถนนกัลปพฤกษ์ และสวยดอกคูริมบึงแก่นนคร

ดอกกระเจียว (ดอกบัวสวรรค์) ดอกไม้สีม่วงอ่อนอมชมพูสวยบอบบางในม่านหมอกที่สวยราวกับฉากหลังของเมืองในจินตนาการจากนวนิยายแฟนตาซีโรแมนติกชวนฝันอย่างดั่งดวงหฤทัย โดยคุณสามารถพาตัวเองไปเที่ยวชมความงามชวนฝันนี้ได้ในช่วงเริ่มเข้าฤดูฝนปลายเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และ อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ

ดอกไม้ป่า ภาพดอกไม้ดอกเล็ก ๆ นานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจออกดอกบานสะพรั่งพร้อม ๆ กันในช่วงปลายฤดูฝนอย่างเดือนตุลาคม เป็นอีกหนึ่งฉากอันสวยงามในนวนิยายเรื่อง ลี้ภัยในเมืองแปลก ชุดนวนิยายสำหรับเยาวชนรางวัลแว่นแก้ว โดยคุณสามารถไปเที่ยวชมดอกไม้ป่าได้ที่ ทุ่งดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี ซึ่งคุณจะได้พบกับดอกไม้นานาพันธุ์ อาทิเช่น หญ้าข้าวก่ำน้อย กระดุมเงิน กระดุมทอง หญ้าหนวดเสือ หญ้าฝอยเล็ก โคลงเคลง หงอนนาค แดงอุบล เอื้องเหลืองพิศมร และช้างน้าว

ดอกบัว ดอกไม้สุดคลาสสิคที่เติบโตและเบ่งบานบนผืนน้ำที่คุณคุ้นตาเป็นอย่างดี แต่หากคุณได้ลองสัมผัสความงามของดอกบัวแดง-บัวชมพูสุดโดดเด่นที่เบ่งบานแน่นขนัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์แล้วละก็ คุณจะต้องตกตะลึงในความสวยงามจากดอกไม้สุดคลาสสิคนี้ ดั่งที่นักประพันธ์หลายท่านได้สอดแทรกไปในนวนิยายและวรรณคดีหลายเรื่องตัวอย่างเช่น ขุนช้างขุนแผน ซึ่งเราสามารถชมความงามของดอกบัวแดง-บัวชมพูนี้ได้ที่ ทะเลบัวแดง-บัวชมพู จ.อุดรธานีและวังบัวชมพู จ.หนองคาย

ชื่นตาชื่นใจอย่าเผลอไปทำร้ายความงดงาม

                หากคุณได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวชมดอกไม้งามชวนให้คุณชื่นตาชื่นใจแล้วละก็ อย่าเผลอไปเหยียบย่ำทำลายหรือเด็ดดอกไม้สวย ๆ จากที่ที่ควรอยู่เพียงเพราะอยากได้ภาพสวย ๆ เพียงอย่างเดียว เพราะคุณอาจเผลอไปทำร้ายและทำลายความงดงามตามธรรมชาติได้ เพื่อที่คุณจะได้มีสถานที่สวย ๆ ไว้ให้ชื่นชมไปอีกนาน ๆ

ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ Eco-Tourism การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่กำลังเป็นที่ตื่นตัวอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ มีหลักการสำคัญ 2 อย่าง คือต้องเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอันเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบผสมผสานเข้ากับเรื่องของการอนุรักษ์ไว้ โดยใช้ทุนธรรมชาติอย่างน้อยที่สุดเพื่อส่งเสริมความมั่นคงยั่งยืน ป้องกันความเสื่อมโทรมของธรรมชาติและความเสียหายของระบบนิเวศ คืนประโยชน์ให้กับธรรมชาติและชุมชนท้องถิ่น

รู้จักกับรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้มากขึ้น

การเดินเส้นทางธรรมชาติและการกางเต็นท์นอนพักแรม โดยมากการท่องเที่ยวลักษณะนี้จะกำหนดหรือแนะนำเส้นทางไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเพื่อชมธรรมชาติ เพื่อป้องกันการหลงทาง อุบัติเหตุอันตราย หรือเดินออกนอกเส้นทางไปทำลายพืชพรรณธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินตามเครื่องหมายบอกทางและศึกษาธรรมชาติผ่านป้ายแนะนำให้ความรู้ต่าง ๆ ตัวอย่างการท่องเที่ยวด้วยการเดินเส้นทางธรรมชาติก็เช่น ในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สวนพฤกษศาสตร์ ป่าพรุ หรือป่าชายเลน ส่วนการกางเต็นท์นอนพักแรมมักอนุญาตให้ทำในบริเวณอุทยานแห่งชาติที่กำหนดไว้ ทำให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น

การนั่งเรือแพท่องเที่ยว เป็นการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างสบาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมธรรมชาติ ภูมิประเทศ หรือวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนริมน้ำได้ง่าย ๆ โดยการท่องเที่ยวด้วยการนั่งเรือแพนี้ค่อนข้างตอบโจทย์กับการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีความใกล้ชิดกับสายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำลำคลอง ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ และท้องทะเล

การขี่รถจักรยานชมภูมิประเทศ นอกจากตอบสนองต่อเทรนด์รักโลกแล้วการท่องเที่ยวลักษณะนี้ยังตอบสนองต่อเทรนด์รักสุขภาพ เพราะได้ทั้งเที่ยวและออกกำลังกายไปในเวลาเดียวกัน ทำให้เป็นที่นิยมอยากมากในปัจจุบันโดยเฉพาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวในวัยหนุ่มสาว ซึ่งการท่องเที่ยวลักษณะนี้ค่อนข้างสะดวกมากเพราะสามารถเดินทางไปได้เกือบทุกสถานที่ ที่อนุญาตให้จักรยานผ่านได้เช่น ภูเขา ริมเขื่อน เลียบทะเล หรือรอบชานเมือง

การล่องแก่ง และ การพายเรือแคนูเรือคะยัก เป็นการท่องเที่ยวแบบผจญภัยในลำน้ำ โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งในเรือยางขนาดเล็กหรือบนแพไม้ไผ่ล่องไปตามลำน้ำเชี่ยวกรากและหลบหลีกแก่งหรือโขดหินที่โผล่มาขวางทาง หรือจะเลือกเรือพายขนาดเล็กที่คงทนแต่เบาไม่ล่มง่ายอย่างเรือแคนูหรือเรือคะยักก็ได้ การท่องเที่ยวลักษณะนี้สามารถทำได้ตามลำน้ำทั่วไปแต่จะท้าทายมากขึ้นกับเหล่านักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยในลำน้ำที่มีแก่งหินพาดผ่านหรือน้ำค่อนข้างเชี่ยวกราด โดยนักท่องเที่ยวควรใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

การส่องสัตว์ ดูนก เป็นการท่องเที่ยวเพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์ป่าและนกนานาชนิด โดยอาจใช้การมองจากกล้องส่องทางไกล หรือการส่องไฟฉายช่วงกลางคืนแล้วถ่ายภาพ ตัวอย่างการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ก็เช่น ในอุทยานแห่งชาติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานนกน้ำ หรือสวนสัตว์เปิด

                การสำรวจถ้ำ น้ำตก ในประเทศไทยมีถ้ำและน้ำตกจำนวนมาก หลายแห่งได้รับการพัฒนาให้เดินทางเข้าไปสำรวจได้ง่ายขึ้น ซึ่งความสวยงามปนลึกลับของหินงอกหินย้อย เส้นทางในถ้ำและ แนวการกัดเซาะของน้ำตกและทะเลนี้เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลงเสน่ห์การท่องเที่ยวแนวนี้

ปลุกจิตสำนึกรักษ์โลกด้วยการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ผสมกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบเป็นมิตรต่อธรรมชาตินี้ นักท่องเที่ยวจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และสัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง ทำให้การท่องเที่ยวนี้มีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากช่วยปลุกจิตสำนึกให้เราหันมาเห็นคุณค่าและรักษาสิ่งดี ๆ ที่มีมากขึ้น ถ้าคุณไม่เชื่อลองเริ่มท่องเที่ยวเชิงนิเวศสักครั้งแล้วคุณจะติดใจ

เที่ยวหน้าร้อนนี้ต้องหนีมานอนแพ หนีร้อนมาใช้ชีวิตติดน้ำกับเหล่าแพริมน้ำในเมืองไทย

อากาศร้อน ๆ แบบนี้มักทำให้หมดแรงและไม่อยากออกจากบ้านไปไหน จะดีแค่ไหนถ้าได้ตื่นนอนมาพร้อมกับสายน้ำเย็นรายล้อมรอบตัว บรรยากาศชิล ๆ มีวิวทิวทัศน์สวย ๆ อยู่ใกล้แค่หน้าต่างห้องนอน อยากกระโดดลงน้ำเมื่อไหร่ก็ทำได้ง่าย ๆ ช่วยให้ผ่อนคลายลงทั้งความร้อนและความเครียด ที่พักที่ดีงามได้ขนาดนี้ก็คือแพพักริมน้ำนั่นเอง ว่าแต่ที่ไหนบ้างนะที่มีแพริมน้ำสวย ๆ สุดฟินให้คุณได้ไปเช็คอิน

สถานที่รวมแพริมน้ำเมืองไทยสวยถูกใจไม่ไปไม่รู้

                เขื่อนเชี่ยวหลาน(เขื่อนรัชชประภา) สุราษฏร์ธานี 1 ใน 10 แหล่งธรรมชาติที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก จากนิตยสาร Lonely Planet ด้วยบรรยากาศสวย ๆ จากน้ำสีฟ้าสดสวยและใสสะอาด ขุนเขารายล้อมโอบรอบ ทะเลหมอกบาง ๆ ยามเช้าลอยอ้อยอิ่ง ทำให้เขื่อนเชี่ยวหลานสวยงามราวกับสรวงสวรรค์ และหากคุณได้มีโอกาสไปนอนค้างบนแพพักบนเขื่อนเชี่ยวหลานแล้วสักครั้งหนึ่ง คุณจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงาม ดั่งจะได้ไปเยี่ยมเยียนวิมานสวรรค์บนโลกมนุษย์เลยทีเดียว

                เขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี เขยิบเข้ามาใกล้กรุงเทพมากขึ้นจะพบกับเขื่อนที่เป็นแหล่งรวมแพพักริมน้ำสวย ๆ และธรรมชาติที่งดงามเอาไว้ ด้วยอากาศอันบริสุทธิ์ ผืนน้ำกว้างสุดสายตาเรียบสงบบรรจบกับภูเขาและหมอกจาง ๆ สุดโรแมนติก ทำให้คุณผ่อนคลายได้ง่าย อีกทั้งหลาย ๆ ที่พักยังมีกิจกรรมภายในเขื่อนให้ทำกันอย่างไม่รู้เบื่อ เชื่อว่าหากคุณได้ไปเยือนคงจะอยากหยุดเวลาเอาไว้ที่กาญจนบุรีเป็นแน่

                ริมแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย กาญจนบุรี ความเงียบสงบเป็นส่วนตัวแต่พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมอันหลากหลายของเหล่าแพริมน้ำในแม่น้ำสายประวัติศาสตร์อย่างแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย เป็นอีกหนึ่งความชิลที่คุณไม่ควรมองข้าม ด้วยวิวทิวทัศน์ที่มีทั้งแมกไม้เขียวชอุ่มและเทือกเขาเรียงราย อาจจะทำให้การพักผ่อนครั้งนี้ของคุณมีความสุขจนหลงลืมโลกภายนอกไปเลย

                เขื่อนแม่งัด เชียงใหม่ เมื่อขุนเขาอันสวยงามไม่ใช่แค่เสน่ห์ดึงดูดเพียงอย่างเดียวของเชียงใหม่อีกต่อไป ฉีกกฎเดิม ๆ เพิ่มเติมความสดชื่นจากสายน้ำเย็นด้วยการแวะมาเยี่ยมเยียนเขื่อนแม่งัด ที่ซึ่งมีแพพักริมน้ำซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูเขารายล้อม และวิวสวยระดับเวิลด์คลาส แค่ได้นั่งชิลกับเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้ว สูดบรรยากาศริมน้ำแบบคำเมืองก็ทำให้คุณลืมความร้อนไปได้ไม่ยาก

เที่ยวแพเล่นน้ำอย่างปลอดภัยสวมใส่เสื้อชูชีพ

                เพราะความประมาทอาจทำให้ทริปของคุณหมดสนุกลงได้ง่าย ๆ หากคุณอยากไปเที่ยวหรือพักบนแพริมน้ำสวย ๆ  อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยเวลาออกไปว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมในน้ำต่าง ๆ ควรสวมใส่เสื้อชูชีพเสมอเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เพื่อที่ทริปหนีร้อนไปนอนแพครั้งนี้ของคุณเป็นทริปที่ประทับใจไม่รู้ลืม

เที่ยวพิพิธภัณฑ์กองทัพไทย ตามรอยเหล่าทหารสามเหล่าทัพ

ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ของชาติอันยาวนาน และปฏิเสธไม่ได้ว่าสถาบันที่มีบทบาทสำคัญทางด้านการเมืองการปกครองเสมอมา คือสถาบันทหาร คนทั่วไปส่วนใหญ่อาจรู้เพียงว่าโดยหลักสากลโลกได้แบ่งสถาบันทหารหลัก ๆ 3 เหล่าทัพ ได้แก่ ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราได้เที่ยวย้อนอดีตและเข้าไปทำความรู้จักกับสถาบันที่ใกล้ชิดและสำคัญขนาดนี้มากขึ้น

พิพิธภัณฑ์กองทัพไทยน่าสนใจกว่าที่คิด

                พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ส่งเสริมการเรียนรู้ในความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ บทบาทของกองทัพบก และส่งเสริมอุดมการณ์รักชาติให้ผู้เข้าเยี่ยมชม โดยจัดแสดงเป็นอาคาร 3 ชั้น ภายในประกอบด้วยห้องจัดแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก ตัวอย่างเช่น อาวุธปืนและอาวุธประเภทฟันแทงที่ใช้ในราชการสงครามตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น, ห้องจำลองเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์และวีรกรรมการรบในอดีต, ห้องจอมทัพไทย แสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของมหาราช 10 พระองค์, ห้องบารมีปกเกล้าฯ จัดแสดงพระบรมรูปสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และห้องแสดงวิวัฒนาการกองทัพบกและประวัติผู้บัญชาการทหารบกในอดีต รวมถึงภาพ คทาจอมพล ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร และเปิดให้เข้าชมได้ตามเวลาราชการ

                พิพิธภัณฑ์กองทัพเรือ ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์กองทัพเรือหลัก ๆ 2 แห่ง คือ “พิพิธภัณฑ์กองทัพเรือตำบลปากน้ำ สมุทรปราการ” ทำหน้าที่รวบรวมและอนุรักษ์วัตถุข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพไทยมาตั้งแต่อดีต ตัวอย่างเช่น วัตถุพิพิธภัณฑ์สมัยโบราณ จำลองยุทธนาวีการรบครั้งสำคัญ เรือจำลองสมัยต่าง ๆ ทั้งในการรบและพระราชพิธี รวมไปถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่เคยใช้ในการรบ แต่เนื่องจากการจัดแสดงนิทรรศการเริ่มมีสภาพเก่าและอยู่ไกลจากกองบัญชาการกองทัพเรือ และมีโครงการย้ายกองเรือลำน้ำกองทัพเรือจึงได้ทำการย้ายพิพิธภัณฑ์ทหารเรือหลักมายังพื้นที่พระนิเวศน์ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับพระบรมมหาราชวังเป็น “พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ(แห่งใหม่) ณ กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร” ที่เพิ่งวางศิลาฤกษ์ไปเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561 ซึ่งพิพิธภัณฑ์ใหม่นี้มีลักษณะเป็นอาคารอเนกประสงค์แสดงนิทรรศการ ประวัติและการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวสำหรับประชาชน ทั้งยังเป็นการปลูกจิตสำนึกรักชาติและเสียสละให้ผู้เข้าเยี่ยมชม โดยเปิดให้เข้าชมได้ตามเวลาราชการ

                พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมและเก็บรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องแบบ และอากาศยานที่เคยมีบทบาทในกองทัพอากาศมาตั้งแต่อดีต ให้เราได้เรียนรู้และตื่นตาไปกับความยิ่งใหญ่แบบเจ้าเวหาของไทย นอกจากนี้ยังมีเอกสารทางประวัติศาสตร์และพัสดุสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบิน นำมาจดแสดงให้ประชาชนได้เข้ามาศึกษาถึงตำนานกองทัพอากาศ เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมได้เรียนรู้และภูมิใจถึงเกียรติภูมิไทย โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณแขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ 08.00-16.00 หยุดวันจันทร์และวันนักขัตฤกษ์

เรียนรู้ที่จะรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทยผ่านการเที่ยวพิพิธภัณฑ์

 เป็นความโชคดีที่ทางกองทัพไทยทั้งสามเหล่าได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปใกล้ชิดมากขึ้นผ่านพิพิธภัณฑ์หลักของกองทัพที่ตั้งอยู่บริเวณกรุงเทพและปริมณฑล ให้เราได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้ว่าประเทศไทยเคยต้องผ่านวิกฤติและความยากลำบากจากสงครามมามากมายเพียงใดกว่าที่เราจะมีแผ่นดินไทยที่มั่นคงนี้ให้เราได้รักและภาคภูมิใจ นึกถึงสถานที่เที่ยวครั้งถัดไปอย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของสามเหล่าทัพ

เที่ยวเมืองไทยแสนโรแมนติกอบอวลด้วยกลิ่นไอแห่งรักตามแบบภาพพรีเวดดิ้ง

การได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่แสนโรแมนติกที่มีกลิ่นไอแห่งความรักห้อมล้อม ตามแบบฉบับภาพพรีเวดดิ้งที่เหล่าคู่รักนิยมกัน เป็นบรรยากาศชวนฝันที่ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเป็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวหรืออยากถ่ายพรีเวดดิ้ง คุณก็สามารถพาตัวเองไปสัมผัสบรรยากาศดี ๆ ดั่งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักที่สถานที่หรือธรรมชาติโอบกอดให้ความรักกับคุณ และคุณไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลถึงเมืองนอก เพราะคุณสามารถสัมผัสสถานที่เหล่านี้ได้ง่าย ๆ ในเมืองไทยนี่เอง

เที่ยวเมืองไทยโรแมนติกได้ไม่แพ้ต่างประเทศ

ท้องทะเลโอบอุ้ม ทะเลสวยกับเมืองไทยเป็นของคู่กัน เรามีทะเลสวยมากมาย บางสถานที่ติดทะเลเปี่ยมด้วยกลิ่นอายสุดโรแมนติก ถ้าคุณได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น คุณจะรู้สึกราวกับทะเลกำลังโอบอุ้มคุณอยู่ ตัวอย่างเช่น เกาะสีชัง ชลบุรี เกาะเล็ก ๆ ที่เคยเป็นสถานพักตากอากาศของเหล่าราชนิกุลในอดีต ทำให้มีจุดชมวิวและถ่ายรูปสุดคลาสสิคเป็นศาลาเล็ก ๆ และสะพานไม้สีขาวน่ารักที่ยื่นออกไปในทะเลอย่าง “สะพานอัษฎางค์” แห่งพระจุฑาธุชราชฐาน, หาดตลิ่งงาม เกาะสมุย อันขึ้นชื่อในการชมพระอาทิตย์ตกดิน เนื่องด้วยด้านหน้าหาดมีเกาะสี่เกาะห้าที่ช่วงพระอาทิตย์ตกจะตกลงระหว่างเกาะ2เกาะทำให้ดูสวยงามโรแมนติกมาก และ อุทยานแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด ระยอง ด้วยลักษณะพิเศษของแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลประกอบกับหอคอยสีขาวและสะพานไม้ริมทะเล ความโรแมนติกปนเท่นี้ อาจทำให้คุณอยากหยุดเวลาไว้ ณ ที่แห่งนี้

ขุนเขาดอกไม้โอบกอด ความอุดมสมบูรณ์ของลักษณะภูมิประเทศในเมืองไทย ทำให้เรามีภูเขาสวย ๆ แมกไม้เขียวชอุ่มและทุ่งดอกไม้นานาชนิด ที่ถ้าคุณลองได้สัมผัสแล้วคุณจะหลงรักเมืองไทยและนึกดีใจในความโชคดีที่เรามีธรรมชาติที่งดงามมากมายโอบกอดเราอยู่ ตัวอย่างเช่น ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน ด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนรวมกับอ่างเก็บน้ำที่รายล้อมด้วยป่าสนและดอกไม้เมืองน้ำ สวยงามดั่งสวรรค์บนโลกมนุษย์, ทุ่งทานตะวัน ลพบุรี บรรยากาศสวยงามสดใสจากทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองกระตุ้นให้คุณรู้สึกร่าเริงมีชีวิตชีวา และ สวนผึ้ง ราชบุรี ที่มีภูมิทัศน์อันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มกับฝูงแกะสุดน่ารัก หรือ แมกไม้เขียวชอุ่มตัดกับโรงแรมหลากสไตล์ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ล้วนแต่มีเสน่ห์ดึงดูดให้คุณอยากกลับไปเยี่ยมเยือนซ้ำแล้วซ้ำอีก

เมืองสวยโอบล้อม ไม่ว่าจะเป็นย่านเมืองเก่าสุดคลาสสิคหรือความหลากหลายของเมืองใหญ่ในไทย ล้วนสวยงามคล้ายกับว่าเมืองใหญ่ที่โอบล้อมเราอยู่กำลังส่งความรักและพลังชีวิตให้กับเรา ตัวอย่างเช่น อยุธยา เมืองเก่าที่สวยงามคลาสสิค ด้วยโบราณสถานรายล้อม อาจทำให้คุณเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสอดีต และกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล มีแม่น้ำเจ้าพระยาทอดตัวยาวประกอบกับภูมิทัศน์ริมน้ำงามจับตา ทำให้คุณปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองใหญ่ก็มีเสน่ห์และบรรยากาศชวนฝันได้อย่างคาดไม่ถึง

เพราะโชคดีที่อยู่เมืองไทย อย่าลืมรักษาความโชคดีนี้ไว้

                เพราะคุณโชคดีที่เมืองไทยมีสถานที่สวยงามมากมาย ดั่งคุณมีความรักมากมายรายล้อมอยู่รอบตัว แต่ถ้าคุณไม่รู้จักดูแลรักษาความรักนี้ไว้ วันหนึ่งความโชคดีของคุณอาจหมดไป ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกไปเที่ยวที่ไหน อย่าลืมให้ความรักกลับไปด้วยการดูแลและเที่ยวอย่างให้เกียรติสถานที่อยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้สัมผัสความสวยงามเหล่านี้ไปอีกนาน

ตามหา Street Art แดนใต้ ศิลปะบนกำแพงสุดฮิปที่คนรักศิลปะไม่ควรพลาด

เมื่อแดนใต้ไม่ได้มีดีแค่ทะเลสวยอีกต่อไป แต่ยังมีสถานที่เที่ยวแนวใหม่ที่เหล่าศิลปินสตรีทอาร์ตมาความสามารถได้ฝากผลงานศิลปะบนกำแพงสุดฮิปเอาไว้ให้คุณได้ชม ไม่ว่าคุณจะอยากถ่ายรูป เช็คอิน หรือเพียงอยากมาชมผลงานซึมซับงานศิลป์ก็คุ้มค่าที่คุณจะได้แวะมาเที่ยวตามสถานที่เหล่านี้

เสน่ห์สตรีทอาร์ตแดนใต้ที่ไม่ควรมองข้าม

สตรีทอาร์ต สงขลา จุดชมสตรีทอาร์ตที่มีเสน่ห์มากและเป็นเหมือนแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสงขลา อยู่บริเวณสี่แยกถนนนางงามตัดถนนรามัน เขตเทศบาลนครสงขลา ด้วยความที่อยู่ในเขตเมืองเก่าทำให้ภาพสตรีทอาร์ตบริเวณนั้นเต็มไปด้วยความคลาสสิคบอกเล่าเรื่องราวและวิถีชีวิตดั้งเดิมของไทยเอาไว้ อันเป็นผลงานของอาจารย์และนักศึกษาจากสาขาศิลปกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ตัวอย่างเช่น “ภาพร้านน้ำชา ฟุเจา” ที่มีคุณลุงสามคนกำลังนั่งดื่มน้ำชา อ่านหนังสือพิมพ์และพูดคุยกันอย่างออกรส และอีกจุดเก๋ๆ คือ “ภาพโรงสีแดง หับ โห้ หิ้น” บริเวณประตูม้วนเหล็กซึ่งต้องรอเวลาปิดประตูลง หน้าสำนักงานภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม ที่มีเด็กชาย 2 คน กำลังพูดคุยกับทหารญี่ปุ่นที่มายึดโรงสีแดงเป็นคลังเวชภัณฑ์

สตรีทอาร์ต ตรัง จุดชมสตรีทอาร์ตเด่นๆในจังหวัดตรังอยู่บริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้สี่แยกท่ากลาง และซอยไทรงาม  นอกจากนี้ยังสามารถเที่ยวไปตามตรอกซอกซอยในเขตเทศบาลเมืองกันตังคุณจะได้พบกับผลงานสตรีทอาร์ตจากศิลปินชาวตรังและศิลปินจิตอาสาที่ฝากผลงานสวยๆ บนกำแพงไว้เพื่อสื่อถึงความเป็นจังหวัดตรัง ตัวอย่างเช่น “ภาพสวนยางพารา” แสนร่มรื่นที่บ่งบอกถึงความเป็นถิ่นกำเนิดยางพารา หรือจะเป็น “ภาพสล็อตในคราบชาวประมง” ที่สื่อถึงอาชีพหลักของคนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง

สตรีทอาร์ต ภูเก็ต จุดชมสตรีทอาร์ตใจกลางภูเก็ตนี้ ตั้งอยู่บริเวณถนนดีบุก ใกล้กับถนนกลาง บริเวณสี่แยกอาหารพื้นเมืองลกเที้ยน 100 Of Arts ขนมศิลปะและบ้านเลขที่ 100 เป็นผลงานส่งเสริมศิลปะที่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และศิลปินหลายท่านได้ฝากไว้บนกำแพง ด้วยสีสันที่สดใสและความคิดสร้างสรรค์ทำให้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ตที่คุณไม่ควรพลาด ตัวอย่างเช่น “ภาพรวมขนมหวาน” สีสันสดใสที่อาจทำให้คุณเกิดอาการอยากของหวานขึ้นมาได้ไม่ยาก

สตรีทอาร์ต กระบี่ จุดชมสตรีทอาร์ต 9 จุดจากศิลปิน 9 คน อยู่บริเวณสี่แยกโครมันยอง ไม่ไกลจากกันมากนัก โดยผลงานนี้อยู่ในโครงการถนนศิลปะเมืองกระบี่ Krabi Street Art Gallery ที่แสดงภาพบนกำแพงเพื่อโชว์เอกลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดกระบี่ออกมา ตัวอย่างเช่น “ภาพนางรำมโนราห์” ที่มีนางรำในชุดมโนราห์เต็มยศสุดน่ารัก 3 คนส่งยิ้มสดใสเชิญชวนให้ท่านต้องเผลอกดชัตเตอร์ถ่ายรูปกลับมา

สตรีทอาร์ต ยะลา จุดชมสตรีทอาร์ตใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีและลดบรรยากาศตึงเครียด สะท้อนถึงเสรีภาพและความสงบสุข บริเวณถนนนวลสกุล เขตเทศบาลนครยะลา จากศิลปินหลายท่าน ตัวอย่างเช่น ศิลปินกราฟฟิตี้มือฉมังอย่างคุณ พัชรพล เจ้าของผลงาน “น้องมาร์ดี เด็กน้อย 3 ตา” หน้าตาบึ้งตึงแต่น่าเอ็นดู ที่ได้สื่อสารผ่านผลงานให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลาย ส่งผ่านความต้องการเสรีภาพและความสงบสุขของผู้คน

ศิลปะนอกพิพิธภัณฑ์ที่สัมผัสได้จากข้างทาง

                ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีหัวใจรักศิลปะหรือไม่ เพียงแค่คุณได้ท่องเที่ยวและได้ชมภาพศิลปะสตรีทอาร์ตเหล่านี้ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะคุณได้มาสัมผัสกับศิลปะนอกพิพิธภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยเจตนารมณ์และความหมายอย่างลึกซึ้ง เที่ยวแดนใต้ครั้งถัดไปอย่าลืมแวะไปตามหา Street Art

เที่ยวย้อนยุคแบบไทยสไตล์ ตามรอยละครดังอย่าง บุพเพสันนิวาส และ ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

ความดังเปรี้ยงปร้างของละครย้อนยุคอย่างบุพเพสันนิวาส และ ทองเอก หมอยาท่าโฉลง ทำให้แฟนละครหลายคนอินชนิดที่ว่าละครจบ คนไม่จบ บางคนอาจจะอยากสวมชุดไทยแบบพี่หมื่นแม่การะเกด บางคนหันมาสนใจสมุนไพรไทยตามคุณหมอทองเอกสุดหล่อ แต่ที่ขาดไม่ได้คือ การได้ไปท่องเที่ยวเยี่ยมเยือนสถานที่จริงที่เกี่ยวข้องกับละครดัง เพื่อตามรอยละครและซึมซับความรู้สึกย้อนยุคเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นความโชคดีที่สถานที่เหล่านี้อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯเลย ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 4 ชั่วโมง คุณก็สามารถสวมบทบาทเป็นแม่การะเกดหรือพ่อทองเอกท่องเที่ยวไปยังสถานที่แห่งอดีตอันสวยงามล้ำค่าทั้งทางวัฒนธรรมและต่อจิตใจ

รู้แล้วรออะไรหยิบชุดไทยมาสวม แล้วเที่ยวย้อนยุคไปด้วยกันกับเรา

อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน แน่นอนว่าจะย้อนยุคทั้งทีจังหวัดอยุธยาถือเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ทุกคนต้องนึกถึงและพลาดไม่ได้เด็ดขาด ด้วยวัดวาอารามหลวงเก่าจำนวนมากที่ดั่งหยุดเวลาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ย้อนกลับมาสัมผัสอดีตดั่งแม่การะเกด ตัวอย่างเช่น วัดไชยวัฒนารามที่ยิ่งใหญ่งดงามเป็นสมบัติของชาติไทยที่ควรภาคภูมิใจ, วัดพุทไธศวรรย์อันเก่าแก่ที่ยังคงความงดงามและสมบูรณ์, อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา 1 ในมรดกโลกที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังแห่งอดีต, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาที่ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และ เรือนไทยสายน้ำ จามจุรีเรือนหมอทองเอกที่ถูกเนรมิตให้เหมือนเรือนทาสสมัยโบราณมากที่สุด

สมุทรปราการ แหล่งรวมวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ในอาณาจักรอุตสาหกรรมอย่างเมืองโบราณ ด้วยการจำลองสถานที่และวัฒนธรรมอันหลากหลายที่สำคัญของไทยไว้หลายยุคหลายสมัย เช่น ตลาดน้ำเก่าจำลอง หรือ วัดวังจำลองต่าง ๆ ทำให้เป็นที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ใช้ถ่ายทำละครและภาพยนตร์ย้อนยุค ถ้าคุณอยากเที่ยวย้อนยุคและไม่อยากเดินทางไกล ๆ เมืองโบราณคือสถานที่ที่คุณควรมาเยี่ยมเยือน

สระบุรี ผู้ที่หลงใหลในความงามของบ้านทรงไทยสมัยโบราณไม่ควรพลาด มาแวะชมความงามของบ้านไม้ทรงไทยโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้กันได้ที่หอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวน แอบกระซิบว่าที่นี่แหละบ้านของคุณพี่หมื่น

ลพบุรี อีกหนึ่งจังหวัดที่เคยมีบทบาทสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่ที่ผู้ที่อยากเที่ยวย้อนยุคควรแวะมา ไม่ว่าจะเป็น พระที่นั่งไกรสรสีหราช สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ไทย พระที่นั่งที่เคยใช้ศึกษาจันทรุปราคา และบ้านหลวงวิชาเยนทร์ สถานที่รองรับคณะทูตที่มาเข้าเฝ้า สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นับได้ว่ามีความงดงามและเปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์แทบทั้งสิ้น

ปทุมธานี อีกหนึ่งปริมณฑลที่นักท่องเที่ยวย้อนเวลาอาจนึกไม่ถึง ตามหมอทองเอกมาจะเจอว่าที่นี่มีวัดสิงห์ วัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ยุคพระนารายณ์เป็นวัดแบบอยุธยาแท้ดั้งเดิม เกือบ100% รักษาไว้ซึ่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ และสถาปัตยกรรมอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งคุณควรไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง

เที่ยวอย่างมีสำนึกรู้รักษ์ความเป็นไทยส่งต่ออดีตไปยังอนาคต

                การที่เราสามารถท่องเที่ยวย้อนยุคได้ นับเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่บรรพบุรุษของเราสร้างสรรค์และรักษาสมบัติของชาติมาอย่างยาวนาน ดังนั้นการที่เราเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี เคารพกฎสถานที่และดูแลรักษาสมบัติชาตินับเป็นหน้าที่ที่ควรทำ เพื่อที่เราจะได้ส่งต่อความงามและประวัติศาสตร์ไทยที่สมบูรณ์ที่สุดจากอดีตไปยังอนาคตสืบต่อไป