บล็อก

เที่ยวอย่างไรให้สร้างสรรค์ เที่ยวแล้วต้องรักษ์ด้วย

 การท่องเที่ยวนั้นมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติ การท่องเที่ยวในสังคมเมือง การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือการท่องเที่ยวตามแหล่งงานศิลปะต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้คนที่หลงใหลในการท่องเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างกันนั้นมีความสุขทั้งสิ้น แต่โลกทุกวันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งความรู้นั้นไม่ได้มีแต่เพียงในห้องเรียน ดังนั้นบุคคลที่รักในการท่องโลกนั้นนิยมที่จะออกไปค้นหาคำตอบต่าง ๆ ด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่มีความท้าทายไปพร้อมกันกับการพักผ่อนหย่อนใจ แต่สถานที่เที่ยวไหนบ้างล่ะที่จะทำให้การท่องเที่ยวในแต่ละครั้งนั้นสร้างสรรค์ ไปดูกันเลย       

เที่ยวตามแหล่งธรรมชาติเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ปัจจุบันนี้มีผู้คนหันมาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กันมากขึ้น เนื่องจากโลกของเราได้ถูกทำลายลง และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้ถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์เป็นจำนวนมาก แต่ยังมีกลุ่มบุคคลที่ให้ความสนใจและพร้อมที่จะท่องเที่ยวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กันด้วย และผู้ที่ชอบเที่ยวธรรมชาตินั้นควรจะมีสามัญสำนึกของตนเองอยู่โดยที่ไม่ไปเบียดเบียนสัตว์หรือทำลายธรรมชาติ หรือแม้แต่เก็บของเหล่านั้นมาเป็นสิ่งของส่วนตน ซึ่งหากทำได้ดังนี้จะทำให้ธรรมชาติยังคงอยู่ต่อไปอย่างสมบูรณ์

เที่ยวตามศูนย์แหล่งการเรียนรู้ ซึ่งถือว่าเป็นการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงมากในยุคนี้ เพราะนอกจากที่จะได้เที่ยวตามแหล่งธรรมชาติที่มีอากาศบริสุทธิ์แล้วนั้น ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวชนบทในเมืองต่าง ๆ ที่ไป อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรพอเพียงและงานหัตถกรรมฝีมือชาวบ้านอีกด้วย ซึ่งการท่องเที่ยวแนวนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะมาให้ความรู้โดยตรง ทำให้เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการไปศึกษาค้นคว้าวิจัย เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาผลงานและพัฒนาประเทศ ให้ดียิ่งขึ้น

เที่ยวตามแหล่งชุมชนท้องถิ่น ซึ่งอาจจะเป็นหมู่บ้านชาวเขากะเหรี่ยง หรือหมู่บ้านชนเผ่าต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในประเทศตามเขตชายแดน หรือพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการท่องเที่ยวแนวนี้จะทำให้ผู้ที่ไปพบเห็นได้เปิดโลกใหม่ในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมของชนเผ่าเหล่านั้น รวมทั้งจารีตประเพณี อาหารการกิน อีกทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ใช้จะมีวัฒนธรรมเฉพาะแบบ ซึ่งแต่ละชนเผ่านั้นจะมีลักษณะแตกต่างกัน ซึ่งการเข้าไปท่องเที่ยวและเรียนรู้วัฒนธรรมของชนเผ่าในชุมชนท้องถิ่นเหล่านี้ จะทำให้ผู้ท่องเที่ยวนั้นเกิดความหลงใหลกับความงดงามของอารยธรรมที่ไปได้อย่างแน่นอน อีกทั้งการท่องเที่ยวแบบนี้จะมีไกด์หรือผู้นำชุมชนเป็นผู้ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวโดยตรง ซึ่งถือว่าเป็นความรู้ที่ถูกต้องและยังได้สัมผัสกับการปฎิบัติงานของคนในชุมชนนั้นจริงอีกด้วย

ซึ่งจากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นถือเป็นการท่องเที่ยวที่มีความสร้างสรรค์ เนื่องจากการไปเที่ยวตามสถานที่เฉพาะเหล่านี้ จะให้ความรู้และเปิดโลกทัศน์ใบใหม่ให้แก่ผู้ที่ไปพบเห็น อีกทั้งยังนำความรู้ที่ได้รับเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองหรือประเทศชาติต่อไปได้ หรืออาจนำความรู้ที่ได้รับมามาสอนหรือบรรยายต่อกับผู้ที่ไม่เคยไปได้มองเห็นถึงแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทยได้อีกด้วย

“ปราณบุรี” เมืองสุดสงบที่น่าสนใจ

“ปราณบุรี” สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ห่างไกลจากรุงเทพมหานครมากนัก แต่มีความสงบอากาศดีธรรมชาติส่วนใหญ่ยังไม่ถูกทำลายไป และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลายสถานที่ด้วยกัน แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักนั้นวันนี้เราจะพาไปท่องเที่ยวที่เมืองปราณบุรี ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนต้นของภาคใต้ เดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 3 ถึง 4 ชั่วโมงก็จะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามสมบูรณ์แล้ว  ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในปราณบุรีนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติดังต่อไปนี้คือ

ปากน้ำปราณ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอำเภอปราณบุรีที่ผู้คนมักมาเที่ยวชมวิวทะเลกันในยามเย็น เนื่องจากมีลมค่อนข้างแรงและอากาศเย็นสบาย บริเวณปากน้ำปราณนั้นยังมีพื้นที่บริเวณกว้าง มีถนนตัดผ่านลาดยาวตลอดชายหาด ทำให้สามารถขับรถชมวิวเพื่อความเพลิดเพลินได้ อีกทั้งยามเย็นจะมีเหล่าบรรดาเพื่อนฝูงหรือครอบครัวมานั่งปิกนิกกันบริเวณหน้าปากน้ำปราณดูแล้วเป็นภาพที่อบอุ่นและมีความสุขแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

ค่ายธนะรัชต์ เป็นค่ายทหารขนาดใหญ่ที่ภายในค่ายนั้นยังเปิดให้เป็นแหล่งเที่ยวชมอีกด้วย ซึ่งค่ายแห่งนี้มีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างมากเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาพรรณ ภายในค่ายมีป่าเขาลำเนาไพร ชายฝั่งทะเล รวมทั้งแหล่งแม่น้ำหลายสาย เนื่องจากค่ายแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นค่ายทหารขนาดใหญ่และมีภูมิลำเนาเดิมทางธรรมชาติที่หลากหลาย ซึ่งทางค่ายเปิดให้มีการเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึงเวลา 16.00 น. ตามเวลาทำการของราชการ แต่ผู้ที่จะไปเที่ยวที่นี่จะต้องมีการรวมตัวกันเป็นหมู่คณะและมีการแจ้งขอเข้าเที่ยวชมก่อนล่วงหน้าทุกครั้ง

วนอุทยานท้าวโกษา เขากระโหลก เป็นเขาที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่บนชายหาดนเรศวรที่ทอดยาวไกล เขากะโหลกนี้มีที่มาคือรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับหัวกระโหลก ทางตอนเหนือด้านบนของภูเขามีโพรงเข้าไปเป็นรูขนาดใหญ่คล้ายกับลูกกะตาโบ๋  ชาวบ้านละแวกนั้นจึงเรียกว่าเขากะโหลก ซึ่งมีความสูงเพียงแค่ 25 เมตรจากน้ำทะเล แต่ก็สูงมากพอที่จะมองเห็นวิวอันสวยงามของทะเลปราณได้ นอกจากนี้บริเวณหาดด้านล่างเขากะโหลกยังมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นพักผ่อนและเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหาดชายหาดแห่งนี้เอื้อต่อการเล่นน้ำเป็นอย่างดี  

และนี่คือ 3 สถานที่เที่ยวยอดฮิตของเมืองปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่หากได้ไปสัมผัสกับที่ปราณบุรีแล้วล่ะก็รับรองได้ว่าจะติดใจ เพราะธรรมชาติที่สวยงามของสถานที่เที่ยวนี้ยังคงสมบูรณ์อยู่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักมากเท่าใดนัก ซึ่งเหมาะกับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของครอบครัวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองหลวงมารับชมธรรมชาติที่สวยงามของทะเล หาดทราย และสายลม ที่หาได้ยากในสังคมเมือง   


สถานที่ท่องเที่ยวในฝันริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ในเมืองหลวงที่หลายสิ่งดูวุ่นวายอย่างในกรุงเทพมหานครแห่งนี้ คงจะดีไม่น้อยหากเราได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศริมแม่น้ำ ปล่อยความเหนื่อยล้าและความว้าวุ่นใจไปกับสายน้ำ และคงจะดีไม่น้อยหากริมแม่น้ำเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งแหล่งขายอาหารการกิน ขายสิ่งของที่ระลึก มีมุมต่าง ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพแห่งความทรงจำ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เราสามารถไปสถานที่แบบนี้ได้ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ในกรุงเทพมหานครของเรานี่เอง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในเมืองหลวงที่มีการจราจรติดขัดนั้นยังมีมุมบรรยากาศแห่งการพักผ่อนอยู่ไม่ไกล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานั้นมีอยู่หลากหลายสถานที่ด้วยกัน แต่ที่ผู้คนนิยมไปท่องเที่ยวกันมากนั้นมีดังต่อไปนี้คือ 

เอเชียทีค เดอะรีเวอร์ฟอนท์ ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนในเมืองหลวงแล้วนั้น ชาวต่างชาติที่มาถึงเมืองไทยก็ต้องแวะมาที่นี่ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครที่มีความคลาสสิคอยู่ในตัว เพราะนอกจากจะมีความสวยงามทางด้านธรรมชาติของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วนั้น เอเชียทีคยังถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีของแฮนเมดที่แสดงถึงความเป็นไทยวางขายอยู่เรียงรายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งของทานเล่นหรือร้านอาหารที่เรียบหรูแต่มีความท้องถิ่นอยู่ในตัวที่เหมาะกับวิถีชีวิตของชาวเมืองกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีสวนสนุกขนาดย่อมเพื่อสื่อให้เห็นถึงเครื่องเล่นของไทยอย่างเช่น ม้าหมุน หรือชิงช้าสวรรค์ ที่ได้กลายเป็นจุดเด่นของเอเชียทีคแห่งนี้ไปแล้ว เนื่องจากผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาหรือชาวต่างชาติที่แวะมาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้จะต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันแทบทั้งนั้น  เนื่องจากชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่นี้เปรียบเสมือนกับดวงตาแห่งกรุงเทพมหานครเลยก็ว่าได้

ไอคอนสยาม เป็นห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดใหม่สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา โดยลักษณะของห้างนั้นจะมีความเป็นเอกลักษณ์สูง มีแบรนด์สินค้ายี่ห้อดังหลากหลายแบรนด์ อีกทั้งห้างแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผู้ไปเที่ยวนั้นสามารถเดินออกมาบริเวณระเบียงด้านนอกได้เพื่อรับลมยามเย็นของริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมไปถ่ายรูปเนื่องจากตัวห้างมีความสูงจึงทำให้มองเห็นวิวเมืองได้ค่อนข้างกว้าง และนอกจากนี้บริเวณหน้าห้างยังมีการประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับที่สวยงามเหมาะแก่การไปเดินช้อปปิ้งและพักผ่อนเป็นอย่างมาก

ท่ามหาราช เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่นและหนุ่มสาวชาววินเทจที่ต้องการมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ซึ่งที่ท่ามหาราชนี้ยังเหมาะกับเป็นสถานที่ไว้ถ่ายรูปเนื่องจากมีมุมที่สวยงามอยู่หลายจุด และยังมีร้านอาหารแบบดังเดิมตั้งอยู่มากมายริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการไปรับประทานอาหารและนั่งมองเรือหางยาวหรือดูวิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอย่างดี

และนี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีกลิ่นไอของวิถีชีวิตชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำแบบดั้งเดิม ซึ่งได้รวมความทันสมัยเข้ามาโดยการมีร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้าเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวแนวบรรยากาศโรแมนติก ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองและไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนนั้น ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานับว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่มีความสวยงาม ซึ่งได้ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับสังคมเมืองได้อย่างลงตัว     

ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำฝั่งธนชี่อดังที่คุณภาพคับแม่น้ำสองฝั่ง

                ใครที่ยังไม่มีแผนไปเที่ยวไหนในวันหยุดสุดสัปดาห์ ขอแนะนำสถานที่สุดพิเศษภายในกรุงเทพมหานคร เดินทางสะดวก ได้กินของอร่อย พร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติแบบย้อนยุค ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นตลาดน้ำฝั่งธนที่รวมทุกอย่างไว้อย่างครบครัน เหมาะกับคนที่ชอบของสด ของคาว ของหวาน รวมไปถึงบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและให้อารมณ์เหมือนเราย้อนกลับไปสมัยก่อน ที่มีการค้าขายกันบนเรือพาย รับรองได้เลยว่าคุณภาพไม่แพ้ตลาดน้ำที่ไหนแน่นอน

อิ่มท้องและอิ่มใจไปกับตลาดน้ำคุณภาพ ที่ดีจนอยากบอกต่อ

ตลาดน้ำคลองลัดมะยมนั้นเปิดขึ้นมานานหลายปี เป็นตลาดน้ำเก่าแก่โบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยของกินและกิจกรรมมากมายหลากหลาย เริ่มจากร้านขายของสดและอาหารทะเลที่ราคาแสนจะเป็นกันเอง แต่คุณภาพของวัตถุดิบที่สดใหม่เหมือนพึ่งขึ้นจากน้ำ เช่น ปูนึ่ง ปลาเผา หอยหวาน ยำหอยแครงสด หรือกุ้งเผา ตามมาเป็นอาหารจานเดียวที่มีให้เลือกมากมายลายตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ อาหารตามสั่ง หรือก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นตลาดบก และตลาดน้ำ ตลาดบกก็คือร้านทั่วไปที่อยู่บนฝั่ง ตลาดน้ำคือร้านที่จะมีลักษณะเป็นเรือพายที่บรรทุกวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำครัวมา และทำอาหารกันในเรือสด ๆ เลย ทำให้ได้บรรยากาศ และรสชาติที่บอกได้เลยว่าอร่อยแบบต้นตำหรับแน่นอน

ของหวานและขนมกินเล่นก็มีมากมายไม่แพ้กับของสดและอาหารคาวเลย ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยโบราณอย่าง ข้าวเกรียบว่าว ขนมฝอยทอง ขนมเบื้อง หรือลูกชุบเจ้าเด็ด มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แฟนขนมไทยทั้งหลายไม่ควรพลาด หลังจากที่ซื้อของกินกันเสร็จแล้ว ที่นี่ยังมีบริการโต๊ะรับประทานอาหารให้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับคนที่มาเที่ยว

หลังจากกินกันอิ่มแล้ว ก็มีร้านขายของมากมายให้ได้เลือกซื้อกัน เช่นของที่ระลึก ร้านขายของเล่นโบราณ ร้านของตกแต่ง หรือร้านกาแฟให้ได้นั่งจิบกาแฟผ่อนคลายกัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจเช่นการนั่งเรือชมวิวของตลาด และที่ขาดไม่ได้คือกิจกรรมการนั่งเรือชมวิวตลาดน้ำเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนในยุคก่อน แน่นอนว่าจะเพลินจนไม่อยากขึ้นฝั่งเลยทีเดียว

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของตลาดน้ำคลองลัดมะยมเท่านั้น ในตอนนี้ตลาดน้ำแห่งนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มีดาราและคนดังมากมายมาเที่ยวและมาถ่ายทำที่นี่ ทำให้กลายเป็นสนใจมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ตลาดน้ำจะยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ต่อไป สำหรับใครที่สนใจ มีวิธีการไปไม่ยาก ตลาดน้ำคลองลัดมะยมตั้งอยู่บนถนนบางระมาด ซึ่งสามารถมาได้จากซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ก็ได้ และตรงเข้ามาตามป้ายตลาดน้ำคลองลัดมะยมเข้ามาประมาณหนึ่งกิโลเมตร หรือจะขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าพระจันทร์ ม.ธรรมศาสตร์ สายรถไฟ – พระจันทร์ แล้วมาต่อสองแถว รถไฟ – ปู่เถรเข้าไปถึงตัวตลาดเลยก็ได้ ซึ่งถ้าใครนำรถมาจะมีที่จอดรถให้ เสียค่าที่จอด 20 บาทเท่านั้น เปลี่ยนวันว่าง ๆ ของคุณให้กลายเป็นความทรงจำดี ๆ ได้ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีแต่ความสุขและประทับใจที่พวกคุณจะได้รับกลับไป

 

Pata zoo สวนสัตว์บนห้างในตำนาน ที่คุณต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

สวนสัตว์ ถือเป็นสถานที่อันดับแรก ๆ เลยที่ครอบครัวจะพาลูก ๆ ไปเที่ยวในวันหยุด เมื่อเราลองนึกย้อนไปในสมัยประถม โรงเรียนก็มักจะพาไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์อยู่บ่อยครั้ง จึงเรียกได้ว่า สวนสัตว์เป็นสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของเรามาตั้งแต่จำความได้ อย่างเช่น สวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดิน ,สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ,สวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์ เป็นต้น รวมไปถึงสวนสัตว์ขนาดเล็กอย่าง  Pata Zoo หรือที่เราเรียกกันว่า สวนสัตว์พาต้า ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เปิดชั้นบนเป็นสวนสัตว์ และมีคนไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก

Pata Zoo เป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ชั้น 6-7 ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านบางพลัด ฝั่งธนบุรี อย่างห้างพาต้า ซึ่งห้างพาต้าเป็นห้างที่อยู่ในทำเลทองและเปิดกิจการมากกว่า 35 ปีแล้ว โดยได้สร้างจุดเด่นให้ตัวห้างโดยการยกสวนสัตว์มาไว้บนห้างซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนในตอนนั้นเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่ และไม่มีห้างสรรพสินค้าที่ไหนทำ ซึ่งสวนสัตว์พาต้าจะอยู่ชั้น 6 และชั้น 7 ของตัวห้างซึ่งต้องขึ้นลิฟท์แก้วไป โดยชั้น 6 นั้นจะถูกตกแต่งเป็นในตีมสัตว์ป่าดึกดรรพ์  ซึ่งเราจะได้เห็น ซากสต๊าฟของปลากระเบนราหูน้ำจืด, งูหลามทองขนาดใหญ่ รวมถึงซาลาแมนเดอร์ยักษ์เพียงตัวเดียวในประเทศไทย ที่เขาได้สตาฟเอาไว้ด้วย และสัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ, สัตว์เลือดเย็น หรือสัตว์หากินในเวลากลางคืนอีกด้วย ไต่ระดับขึ้นไปชั้นสูงอีกนิดอย่างชั้น 7 ซึ่งชั้นนี้จะเป็นสวนแสดงของสัตว์หลากหลายชนิดให้เด็ก ๆ ต้องร้องว้าวอย่าง นกเพนกวิน, นกเงือก, นกมาร์คอว์, ม้าแคระ, ลีเมอร์, หมี, เสือ, อุรังอุตังกับบรรดาดาเหล่าลิง และถ้าเด็ก ๆ อยากสัมผัสกับสัตว์ทางพาต้าก็มีแบ่งโซนสัตว์ให้เด็ก ๆ ด้วย อย่างสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น กระต่าย, แกะ, แพะ หนูเป็นต้นซึ่ง จุดเด่นของสวนสัตว์ชั้นนี้ คือ กอริลลา ที่คนถือว่าเป็นพระเอกของสวนสัตว์เลยก็ได้

แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ห้างพาต้านั้นไม่ได้รับความนิยมเหมือนในอดีต แต่ที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของผู้คนในยุคนั้น เป็นสถานที่ที่คนที่เคยไปแล้วในวัยเด็กต้องกลับไปเยือนอีกครั้งในชีวิต

‘บัวน้อย’ กอริลลาตัวน้อยหนึ่งเดียวในพาต้า ที่จะทำให้คุณต้องหลงรักมัน

ปัจจุบันที่สวนสัตว์พาต้า ได้เหลือกอลิร่าเพียงตัวเดียวนั่นคือ เจ้า บัวน้อย ที่ยังคงเรียกรอยยิ้มให้กับผู้คนที่มาเที่ยวได้อยู่เสมอ หลาย ๆ คนคิดว่า กอริลลาที่ถูกขังในกรงกว่า 35 ปีนั้นจะดุร้ายจะทำร้ายคน แต่แปลก บัวน้อย กลับไม่มีนิสัยก้าวร้าวเช่นนั้นเลย แถมยังมีนิสัยน่ารัก เป็นมิตรกับคนที่มาเยี่ยมมันอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันเจ้าของสวนสัตว์ได้กล่าวว่า บัวน้อยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแน่นอน โดยคุณสามารถไปพิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณเองและอย่าลืมจูงมือลูกหลานของคุณให้ไปด้วยล่ะ รับรองว่าความน่ารักของเหล่าสัตว์ทั้งหลายจะทำให้คุณติดใจอย่างแน่นอน

สวนสัตว์พาต้า จะเปิดให้บริการ เวลา 10.00-18.00 น. ทุกวัน ซึ่งมีค่าบัตรเข้าชมสวนสัตว์ ในอัตรา ผู้ใหญ่ 80 บาท และเพียงเด็ก 50 บาท เท่านั้น เสร็จจากเดินห้างช้อปปิ้งก็ขึ้นไปเยี่ยมเหล่าสัตว์ตัวน้อยกันเรียกได้ว่าสบายใจทั้งผู้ใหญ่และเด็กกันเลยทีเดียว

 

4 สถานที่สุดฮิตย่านฝั่งธน ที่จะทำให้คุณเผลอหยิบกล้องมาชัตเตอร์โดยไม่รู้ตัว

พอพูดถึงที่เที่ยวฝั่งธน ต้องบอกเลยว่าที่นี่มีเอกลักษณ์ในเชิงวัฒนธรรมอย่างมาก ซึ่งฝั่งธนเป็นพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและเป็นฝั่งที่ครึกครื้นตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่าฝั่งธนนั้นมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย ที่ไม่ควรพลาดเลย ตามไปดูกัน

ของดีฝั่งธน ไม่ต้องทนเดินทางไปไกล

วังหลัง ตั้งอยู่ที่ท่าน้ำศิริราช เป็นสถานที่ยอดฮิตของชาวฝั่งธน ที่ไม่ว่าคนฝั่งธนหรือฝั่งพระนครก็ต้องเคยมา เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมของกิน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าเครื่องประดับต่าง ๆ  ในราคาแสนย่อมเยา โดยมีของกินขึ้นชื่อเลยก็คือ ซูชิ และทาโกะยากิ ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาที่นี่ต้องไม่พลาดซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอย่างแน่นอน เพราะมันอร่อยมาก ซึ่งใครอยากได้รวมแนว ๆ สตรีท ๆ หน่อย ต้องไม่พลาด

ช่างชุ่ย สถานที่เที่ยวสุดฮิปที่เด็กสายฮิปไม่ควรพลาดเพราะที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก โดยจุดเด่นของที่นี่คือ ซากเครื่องบินเก่าสุดเท่ ที่ไม่ว่าใครที่ไปแชะภาพตรงนั้น ต้องได้ภาพสุดเท่กลับมาแน่นอน โดยช่างชุ่ยตั้งอยู่ที่บางพลัด ถนนสิรินธร นั่นเอง

                วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร สถานที่เช็คอินถ่ายรูปสไตล์ไทย ที่มีเหล่าดารานางแบบนุ่งผ้าเรียบร้อย ไปถ่ายภาพที่นี่กันอย่างมากมาย เพราะที่วัดอรุณฯนั้น มีการตกแต่งลวดลายกระเบื้องต่าง ๆ ได้อย่างสวยงามและวิจิตรตระการตามาก ๆ วึ่งวัดอรุณฯตั้งอยู่บนถนนอรุณอมรินทร์ นั่นเอง สายบุญห้ามพลาด

อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  ใครที่มองหาที่เที่ยวแบบส่วนตัว สงบ ๆ รับกลิ่นอายธรรมชาติหน่อยต้องรีบปักให้ไวเพราะที่นี่เป็นสถานที่เที่ยวที่เงียบมาก และเหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นที่สุด โดยในอุทยานนี้นั้นสร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์อาคารเก่าในย่านนิวาสสถานเดิมครั้งทรงพระเยาว์ของสมเด็จย่า ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งด้านในจะเป็น อาคารพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จย่า ประมวลเหตุการณ์ ในการพระราชพิธีพระบรมศพ พระตำหนัก วัง ตลอดจนที่ประทับครั้งทรงพระเยาว์ และประวัติชุมชนย่านวัดอนงคาราม , อาคารพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจพระราชจริยวัตรและงานฝีพระหัตถ์ของสมเด็จย่าเอง ,บ้านจำลอง ของสมเด็จย่า ครั้งเคยประทับที่ชุมชนแห่งนี้ ตกแต่งภายในตามหนังสือ “แม่เล่าให้ฟัง” พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อีกทั้งยังมีศูนย์ศิลป์ศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) มีหินแกะสลัก และเรือนสำหรับจำหน่ายน้ำดื่ม น้ำสมุนไพรธรรมชาติ ของที่ระลึก และสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สถานที่สุดฮิตของชาวฝั่งธนที่ไม่ควรพลาดไปถ่ายรูป ซึ่งแน่นอนว่าใครก็ตามที่ได้ไปก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แต่ละที่นั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน สวยงาม เหมาะแก่การสะพายกล้องออกไปถ่ายรูปซะจริง ๆ

 

พัทยาไม่ได้มีดีแค่ทะเลและแสงสี แต่มีสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจซ่อนอยู่

                เมืองพัทยา เมืองแห่งท้องทะและแสงสียามค่ำคืนที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย หลายคนมาเพื่ออาบแดด เล่นน้ำทะเล หรือกินอาหารทะเล รวมไปถึงไปเดินที่ walking street ถนนคนเดินที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและ tiffany show โชว์การแสดงสุดแสนอลังการจากสาวประเภทสองที่สวยราวกับผู้หญิงแท้ ๆ แต่ความจริงแล้ว เมืองพัทยายังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจและหาดูได้ยากอย่าง Ripley’s Believe or not พิพิธภัณฑ์ ริบลีส์เชื่อไม่เชื่อนั่นเอง

ริบลีส์ พิพิธภัณฑ์ท้าพิสูจน์ เชื่อไม่เชื่อก็คิดลองดู

                เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งที่สำหรับพิพิธภัณฑ์ ริบลีส์ สถานที่รวบรวมสิ่งของหายาก ลึกลับ และน่าสนใจอยู่มากมาย โดยมีคอนเซ็ปต์ที่ว่า “เชื่อหรือไม่เชื่อ” ซึ่งในพิพิธภัณฑ์ริบลีส์นั้นจะมีสิ่งของต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ในสมัยโบราณ รวมไปถึงสิ่งของแปลก ๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ในโลก โดยของที่นำมาโชว์นั้นจะมีทั้งที่เป็นของจริง ๆ และที่ทำเป็นแบบจำลองขึ้นมา พร้อมทั้งข้อมูลรายละเอียดของสิ่งของต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ไข่ของนกช้างที่มีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่ถึง 183 เท่า หัวสองหัว ปลามีขน เรือยักษ์ที่ทำจากไม้จิ้มฟัน หรือแสตมป์รูปแผนที่ประเทศไทยที่เล็กที่สุดในโลก เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีโซนของหุ่นขี้ผึ้งที่ร่วมเอาคนที่มีเชื่อเสียงทั่วโลกมาทำเป็นหุ่นจัดแสดงไว้ให้ได้เข้าไปรับชมได้อีกด้วย

ริบลีส์ไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีโซนที่เรียกได้ว่าเป็นโซนสวนสนุกของที่นี่ เริ่มจาก Scream in the dark เครื่องเลื่อนที่ให้ผู้เข้าขึ้นไปนั่งบนรถราง และรถก็จะวิ่งเข้าไปในความมืด ซึ่งในที่ที่รถรางวิ่งเข้าไปนั้นก็จะมีสัตว์ประหลาดมากมายรออยู่ เราจะได้ถือปืนเลเซอร์คนละกระบอก เพื่อไว้ยิ่งสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเพื่อเก็บคะแนน ต่อมาคือ The Vault Laser Maze Challenge โดยผู้เล่นจะรับบทเป็นขโมยหรือสายลับ ที่จะต้องแอบเข้าไปขโมยเงินที่อยู่ในห้องที่มีการคุ้มกันเป็นเลเซอร์จำนวนมาก โดยสามารถเล่นได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่ กติกาคือต้องไปให้ถึงจุด checkpoint ของเงินให้ได้โดยที่ร่างกายไม่สัมผัสเลเซอร์ เป็นอีกหนึ่งโซนที่สนุกและตื่นเต้นมาก

แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับโซนสวนสนุกของริบลีส์ก็คือบ้านผีสิงริบลีส์นั่นเอง เริ่มตั้งแต่พนักงานต้อนรับหน้าทางเข้าที่แต่งหน้าและแต่งตัวได้สยองเหมือนกับหลุดออกมาจากหนังผีเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เมื่อเริ่มเข้าไปในบ้านผีสิง ก็จะมีข้อมูลความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับโรงศพแต่ละประเภทให้ได้ศึกษากัน หลังจากนั้นก็จะถูกพาตัวไปส่งทางเข้าเพื่อเข้าเล่นบ้านผีสิง ผู้เล่นจะได้เจอกับความน่ากลัวหลากหลายรูปแบบ ที่ทั้งตื่นเต้น ตกใจ และหวาดกลัวไปในตัว แฟนบ้านผีสิงห้ามพลาด

หลังจากเล่นน้ำทะเลกันเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมลองแวะมาหาประสบการณ์และสิ่งน่าสนใจมากมายได้ที่ Ripley’s Believe or not นอกจากความสนุกและตื่นเต้นแล้ว ยังได้รับความรู้และสิ่งแปลกใหม่ต่าง ๆ ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน รับรองว่าจะติดใจจนอยากกลับมาเป็นครั้งที่สองแน่นอน

 

เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับอินเดีย ดินแดนแห่งวัฒนธรรมล้ำค่า

                หลายเสียงจากปากของคนที่เคยได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวที่อินเดียมา มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอินเดียไม่น่าไป สกปรก วุ่นวาย ไร้ระเบียบ ต่าง ๆ นา ๆ เพราะเหตุนี้ จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่อยากที่จะไปเที่ยวที่ประเทศอินเดีย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วหลายสิ่งก่อสร้าง หลายสถานที่สำคัญของอินเดียนั้น ทั้งสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะ และทรงคุณค่าเป็นอย่างมาก เพียงแต่เราต้องศึกษาหาข้อมูลให้พร้อมก่อนที่จะวางแผนไปเที่ยวที่ประเทศอินเดีย

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดที่เกี่ยวกับประเทศอินเดียในทางลบเหล่านั้นไม่เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของประเทศอินเดียที่เป็นแบบนั้น แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่อาจจะห่างไกลความเจริญ หรือยังพัฒนาได้ไม่เท่ากับประเทศอื่น ๆ แต่นั่นไม่หมายความว่าประเทศอินเดียไม่มีอะไรดีเลย ถ้าเรายังไม่เปิดใจและยังอคติอยู่ เราอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้เห็นมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นใหญ่มากมายเลยก็ว่าได้

แสงสว่างของอินเดีย สถานที่น่าเที่ยวที่สุดที่คุณอาจไม่เคยรู้

                เอาใจสายศิลปะและโบราณวัตถุกันก่อนกับพิพิธภัณฑ์ปอนดีเชอรี แหล่งรวมศิลปะและของยุคโบราณมากมายที่ถูกใช้จริงในสมัยราชวงศ์ปัลวะและราชวงศ์โจลาอัน ซึ่งประกอบด้วยหินแกะสลัก ศิลปะที่ทำจากแร่ทองแดง และผลงานศิลปะต่าง ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดถูกรวมอยู่ที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสวยงามที่หาไม่ได้ในยุคนี้ ต่อกับกันสถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกหนึ่งที่ นั่นก็คือ ป้อม Gingee เป็นเหมือนป้อมปราการแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจฬะ ซึ่งเป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมมากมายไว้ในที่แห่งนี้ ตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่เราจะได้เห็นจากที่ป้อม Gingee ได้แก่พวก วัดฮินดู หอสมรสที่มีความสูงถึง 800 ฟุต และห้องขังนักโทษตั้งแต่ยุคนั้น

ต่อด้วยสายธรรมชาติอย่างแคชเมียร์ เปรียบเสมือนดินแดนในเทพนิยายอีกที่หนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยความสวยงามของเทือกเขาหิมาลัย ยิ่งเป็นช่วงของฤดูหนาวที่หิมะตกด้วยแล้ว ความสวยงามยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ถ้าเป็นหน้าร้อน เราก็จะได้พบกับทุ่งหญ้าเขียวสด รวมไปถึงวิวธรรมชาติอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น น้ำตก สวน หรือทะเลสาบต่าง ๆ เรียกได้ว่าได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงามอย่างแท้จริง พูดถึงภูเขา ทะเลสาบ ทุ่งหญ้าไปแล้ว คงไม่พูดถึงทะเลไม่ได้ สำหรับสายทะเลทั้งหลาย แนะนำกัว กัวเป็นรัฐที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศอินเดีย แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่กัวไม่เล็กตามขนาดรัฐเลย เนื่องจากที่กัวมีหาดและทะเลสาบมากมายที่สวยงาม และนอกจากจะเป็นหาดแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกโลกอยู่อีกด้วย แน่นอนว่ามีกิจกรรมมากมายให้ทำที่กัวและชมธรรมชาติที่สวยงามราวกับนิทานจนลืมเวลากันได้เลยทีเดียว

นี่เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศอินเดียไม่ได้แย่ทั้งประเทศ ยังมีอีกหลายมุมที่เป็น Unseen ของประเทศอินเดียที่คุ้มแค่แก่การไปสัมผัส แนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวแบบชมประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม สถานที่ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างแน่นอน

 

ทะเลแหวก ปรากฎการณ์สุดแปลกที่ไม่ควรพลาด

                ทะเลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้คนมากมาย เพราะทะเลเป็นเหมือนสถานที่ไว้ใช้ผ่อนคลายและทำให้สดชื่น ซึ่งแน่นอนว่าการเที่ยวทะเลนั้นก็ต้องนึกถึงหาดทรายสีขาว ๆ ที่ฝั่ง และเมื่อเดินลงไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมีน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวที่ซัดเข้าหาด ยิ่งเดินลงไป ระดับน้ำทะเลก็จะยิ่งสูงขึ้น เป็นเรื่องที่เราสามารถสัมผัสได้กับทะเลทั่ว ๆ ไป แต่มีปรากฎการณ์หนึ่งที่จะมีหาดทรายขาวโผล่ขึ้นมาระหว่างทะเล เรียกกันว่าทะเลแหวก

ปรากฎการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นในวันก่อนหรือหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ประมาณ 5 วัน เกิดจากผลของน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้สันทรายของหมู่เกาะนั้นโผล่ขึ้นมาเป็นแนวหาดทราย แน่นอนว่าพิเศษและสวยกว่าทะเลปกติที่เราเที่ยวกันอย่างแน่นอน ซึ่งทะเลแหวกนั้นจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปี และจะเกิดขึ้นระหว่างเกาะสามเกาะในประเทศไทยนั่นก็คือ เกาะไก่ เกาะทับ และเกาะปอดะ

สามเกาะทะเลแหวก เปิดโลกของทะเลแบบใหม่ที่น่าจดจำ 

                ทั้งสามเกาะนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดกระบี่ มีระยะทางห่างกันไม่มาก สามารถเที่ยวทั้งสามเกาะได้ภายในวันเดียว แน่นอนว่านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสหาดทรายขาวที่โผล่ขึ้นมาเหมือนเป็นเส้นแบ่งของทะเล สามารถเดินเล่นได้ และชมภาพวิวทะเลแหวกที่หาดูได้ยาก หลังจากนั้นก็จะมีกิจกรรมมากมายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวทั้งสามเกาะนี้ อย่างที่ทราบกันว่ากระบี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ทะเลสวยและสะอาดมาก การท่องเที่ยวทั้งสามเกาะนี้ก็จะเป็นในลักษณะของการนั่งเรือสำเภาชมเกาะทั้งสามเกาะ และมีการหยุดแวะให้ได้ลงไปทำกิจกรรมกันได้แต่ในแต่ละเกาะ เช่นการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นสีสันสดใสและปลาหายากพันธุ์ต่าง ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ง่าย เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าทะเลกระบี่เป็นทะเลที่มีทั้งความสวยงามและความสะอาดของสภาพแวดล้อม ทำให้เหมาะอย่างมากกับการส่องดูชีวิตใต้ทะเลได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องดำน้ำลงไปลึก ๆ

นอกจากจะเช่าเรือสำเภาไปล่องดูทะเลแล้ว นักท่องเที่ยวคนไหนที่ทุนหนาหน่อย และอยากเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวก็สามารถที่จะเช่าเรือเป็นเรือ speed boat ได้ ราคาก็จะแพงขึ้นหน่อย ส่วนที่เกาะนั้นก็มีบริการขายอาหารและเครื่องดื่มให้นักท่องเที่ยว หรือจะนำมาทานเองกันก็ได้ หลายคนอาจจะคิดว่าราคาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ต้องสูงแน่ ๆ เพราะนี่เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดแค่ไม่ครั้งต่อปีเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย แค่ใช้จ่ายในการเที่ยวทะเลแหวกนี้ ไม่แตกต่างกับการเที่ยวที่สถานที่อื่น ๆ เลย เผลอ ๆ อาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ เช่น อัตราการบริการเช่าเรือธรรมดาอยู่ที่ 2,200 บาทต่อลำ จุคนได้ถึงหกคน ซึ่งตกแล้วคนละไม่เกิน 370 บาท แลกกับวิวทะเลแหวกแล้ว ถือว่าถูกและคุ้มมาก ๆ

สำหรับใครที่สนใจอยากจะเที่ยวทะเลแหวก ลองสอบถามราคาและดูวันเวลาให้เรียบร้อย เพื่อจะได้เห็นปรากฏการณ์นี้อย่างสมบูรณ์ พาครอบครัว แฟน หรือเพื่อน ๆ พร้อมเตรียมกล้องไปถ่ายรูปเก็บความทรงจำสุดพิเศษกันได้ทะเลแหวกจังหวัดกระบี่

 

ทริปทะเลจำลอง Santorini Park ชะอำ สวนน้ำจำลองทะเลที่ติดทะเล

                ถ้าพูดถึงชะอำ สิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็คือทะเล แน่นอนว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน แม้แต่ต่างชาติก็ยังหลงใหลและติดอกติดใจทะเลบ้านเรากันเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่แล้วเป้าหมายของการมาทะเลที่ชะอำก็คือการเล่นน้ำทะเล อาบแดด เล่น Banana boat และกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่ต้องการความแปลกใหม่ในการเล่นน้ำที่ชะอำ มีหนึ่งสถานที่ที่เปรียบได้เหมือนสวนสนุกขนาดใหญ่ รวมไปถึงการจำลองทะเลขึ้นมาย่อยไว้อยู่ในสถานที่นี้ ที่นั่นก็คือ Santorini Park ชะอำนั่นเอง

สนุกไปกับเครื่องเล่นตระการตา ที่คุ้มค่ากับราคาตั๋ว

                Santorini Park ชะอำนั้นถือเป็นอีกหนึ่งสวนน้ำที่ใหญ่และมีระบบการทำงานที่ค่อนข้างสะดวกสบาย มีเครื่องเล่นมากมายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสไลเดอร์ยักษ์แนวดิ่ง และที่มีท่อคดเคี้ยว หรือที่แบ่งเป็นลู่และลงได้ทีละหลาย ๆ คน หรือจะเป็นเครื่องเล่นที่เหมือนกับนำคนเข้าไปไว้ในลูกบอลยางยักษ์ และทำการหมุนให้เร็วขึ้น จำลองการอยู่ในเครื่องซักผ้า ซึ่งชื่อของเครื่องเล่นแต่ละชิ้นนั้นจะมีคอนเซ็ปต์เป็นชื่อของเทพในตำนานกรีซ เช่น Antenna’s Spaceship The Artemis’s Rapids หรือ The Thunder of Zeus เป็นต้น รับประกันได้เลยว่าทุกเครื่องเล่นมีความเป็นเอกลักษณ์และมีความสนุกที่แตกต่างกัน เพิ่มความหลากหลายและน่าสนใจให้กับผู้เล่นทุกเครื่อง

นอกจากเครื่องเล่นต่าง ๆ แล้ว ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่คือทะเลจำลอง ที่มีการจำลองเคลื่อนให้เหมือนกับทะเลจริง ซึ่งสามารถจุคนได้มากมาย ให้ผู้คนได้เล่นกันอย่างฟรีสไตล์  พร้อมทั้งมี Security Guard คอยดูแลตลอดทั้งทะเลจำลองนี่ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคน

ความสะดวกสบายและหรูหราจากสวนน้ำ Santorini

หลังจากที่จ่ายค่าเข้าสวนสนุกแล้ว ทุกคนจะได้รับตั๋วเข้าสวนสนุกที่เป็นลักษณะของกำไลข้อมือ ซึ่งเปรียบเสมือนธนาคารเคลื่อนที่ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องของทรัพย์สินต่าง ๆ ผู้เล่นสามารถเติมเงินเข้าไปในระบบได้ และจากนั้นเงินก็จะถูกเก็บไว้กำไลอันนี้ ผู้เล่นก็ไม่จำเป็นต้องพกสิ่งใดไปเล่นอีกต่อไป นอกจากนั้นผู้เล่นสามารถที่จะใช้กำไลข้อมือนี้กับเครื่องสแกน ที่มีอยู่หน้าเครื่องเล่นต่าง ๆ  ผู้เล่นจะต้องทำการสแกนข้อมูลจากกำไลที่เราได้ลงทะเบียนไว้ก่อนเล่นที่เครื่องเหล่านี้ หลังจากนั้นก็จะมีฟังก์ชันการบันทึกภาพการเล่นของเรา และนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้ เหมือนมีตากล้องคอยถ่ายเราตลอดเวลาการเล่น รวมไปถึงยังสามารถบอกได้ว่าเครื่องไหนที่เราเล่นไปแล้วหรือยังไม่ได้เล่นอีกด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับคนที่มากันเป็นหมู่คณะ และต้องการที่เก็บของและพักผ่อนเมื่อเล่นเสร็จแล้ว ทางสวนน้ำมีบริการบ้านพักจำนวน 13 ห้องให้ไว้สำหรับการเก็บสัมภาระต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือมีเพื่อน ครอบครัวที่มากันจำนวนเยอะ ๆ

ถ้าใครที่ไปเที่ยวชะอำแล้วเล่นน้ำจนสะใจแล้ว ก็ลองมาเล่นเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวกับทะเลจำลองเพื่อหาประสบการณ์ความสนุกรูปแบบใหม่ ๆ กันได้ที่ Santorini Park ชะอำ เปิดทุกวันจันทร์ถึงศุกร์เวลา 9 โมงถึง 6 โมงครึ่ง เสาร์อาทิตย์เปิด 9 โมง ถึง 2 ทุ่ม